สหรัฐฯเสนอแผนช่วย 13 ชีวิต ใช้วิธีดำน้ำคู่หู ประกบแบบตัวต่อตัว

จากกรณีทหาร ตำรวจ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) หรือหน่วยซีล กู้ภัยและอื่นๆ ที่ร่วมภารกิจปฏิบัติการช่วยเหลือนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่า และผู้ฝึกสอน รวม 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย อย่างแข็งขันตลอด 24 ชั่วโมง โดยนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา อดีตผวจ.เชียงราย ในฐานะหัวหน้าทีมช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวง แถลงในช่วง 2-3 วันนี้เด็กมีความพร้อมในการนำออกจากถ้ำ

สำหรับความคืบหน้า วันที่ 7 ก.ค. ที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากกำลังหน่วยซีลจะดำน้ำเข้าถ้ำหลวงไปยังบริเวณเนินนมสาว ซึ่งเป็นจุดที่เด็กทั้ง 13 ชีวิตติดอยู่ พร้อมเตรียมความพร้อมของทั้ง 13 ชีวิตในการนำตัวออกมา แต่ติดอุปสรรคที่ระดับน้ำในถ้ำยังสูงมาก จึงอาจเป็นความเสี่ยงในการดำน้ำ

ดังนั้นการหาโพรงหรือปล่องบริเวณเหนือถ้ำ จึงเป็นอีกหนทางในการนำทั้ง 13 ชีวิตออกมา โดยพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจตชด.และพลร่ม เร่งหาโพรงที่พิกัดตรงกับจุดเนินนมสาว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รับแจ้งจากในถ้ำว่า ก่อนหน้านี้เคยเห็นแสงลอดเข้ามาในถ้ำ จึงได้นำแผนที่มากางตรวจสอบหาพิกัด พร้อมออกสำรวจพบโพรงจุดหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจพบทางสามารถลงไปได้ โดยขณะนี้ตชด.กำลังเร่งโรยตัวลงไปยังโพรงจุดนี้ว่าสามารถลงไปถึงจุดเนินนมสาวที่ทั้ง 13 ชีวิตติดอยู่หรือไม่

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศอย่างซีเอ็นเอ็น ระบุจากเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาซึ่งมีความคุ้นเคยในปฏิบัติการประสานงานช่วยเหลือระหว่างประเทศว่า แผนช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำอาจรวมถึงการดำน้ำแบบคู่หู หรือที่เรียกว่าบั๊ดดี้ไดฟ์ ให้นักดำน้ำผู้ใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญดำน้ำประกบกับเด็กๆ ทีมหมูป่าแบบตัวต่อตัว โดยทีมดำน้ำของไทยต้องทำหน้าที่หลักในการช่วยเหลือ ขณะที่ทีมดำน้ำของสหรัฐจะช่วยในเรื่องการจัดเตรียมจุดตั้งถังออกซิเจน

แหล่งข่าวยังระบุอีกว่านายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเปิดเผยถึงแผนช่วยเหลือดังกล่าวในวันเสาร์นี้ ซึ่งภารกิจช่วยเหลือสามารถเริ่มดำเนินการได้เร็วที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะดำเนินการหรือไม่