ทีมดำประเมินเสี่ยงเกิน ทีมหมูป่า-ซีลได้ยินหมาเห่า-ไก่ขัน จากในถ้ำ

วันที่ 5 กรกฎาคม ที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ชุดประดำได้ประเมินสถานการณ์ ความเสี่ยงในการนำเยาวชนและโค้ชทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ยังติดอยู่บริเวณเนินนมสาว ซึ่งห่างจากโถง 3 ที่หน่วยซีลสามารถตั้งฐานบัญชาการไปในถ้ำหลวง มากกว่า 4 กิโลเมตร ว่า แม้เด็กๆ จะสดใสร่าเริงและได้รับประทานอาหารเพาเวอร์เจล เพิ่มพลังงานเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายที่ขาดอาหารหลายวัน แต่การประเมินสภาพร่างกายแพทย์พบว่าเด็กมีปัญหาเรื่องความดัน เนื่องจากร่างกายปรับสภาพให้อยู่ได้ในสภาพออกซิเจนต่ำ ในถ้ำมาหลายวัน การออกมาด้านนอก มีความดันเปลี่ยนแปลง อาจมีผลกระทบต่อร่างกาย

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ระดับน้ำในถ้ำยังคงสูงมาก การนำเด็กออกโดยการดำน้ำมีความเสี่ยงสูงมาก แม้ตามแผน วางไว้ว่าหากต้องใช้วิธีการดำน้ำออกมา จะให้ทั้ง 13 คน พักเป็นจุดๆ ตามเฟสการดำน้ำ และแต่ละจุดแพทย์จะต้องประเมินสภาพร่างกายว่าต้องพักค้างนานแค่ไหน ค้างคืนหรือไม่ แต่จากประเมินระดับน้ำภายในถ้ำยังคงสูงมากมีเพียงหน้าถ้ำเท่านั้นที่มีการพร่องน้ำได้เยอะ

รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้มีการนำแคปซูลลอยน้ำ ซึ่งสามารถให้คนเข้าไปอยู่ได้ มีการปรับความดันและอากาศภายใน ไปทำการทดลองภายในถ้ำโดยให้เจ้าหน้าที่เป็นตัวแบบทดลอง เพื่อเป็น 1 ในทางเลือกที่จะทำให้ทั้ง 13 คนออกมาได้ แต่เนื่องจากสภาพถ้ำมีจุดช่องแคบที่หากออกจากเนินนมสาว เข้าหาดพัทยา ต้องผ่านช่องแคบวิกฤต ที่แคบ โค้ง ไปสู่สามแยก ไปยังโถง 3 ออกปากถ้ำ

มีรายงานว่าทีมประดาน้ำประเมินด้วยว่าระดับน้ำที่ยังคงเสี่ยงต่อการนำ 13 ชีวิตออก จึงเสนอให้เร่งหาทางออกโดยหาปล่องที่จะเจาะทะลุโพรงถ้ำให้ได้โดยเร็ว ซึ่งมีทางที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะเอา 13 ชีวิต ออกอย่างปลอดภัยในตอนนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมงานที่อยู่ภายในถ้ำที่อยู่บริเวณเนินนมสาวและ ทีมฟุตบอลหมูป่า ทั้ง 13 คนรวมทั้งตัวโค้ชเอก ในช่วงเช้ามืดของทุกวัน จะได้ยินเสียงไก่ขัน และเสียงสุนัขเห่า เล็ดลอดออกมาในบางครั้ง จึงทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าบริเวณภายนอกของเนินนมสาว น่าจะอยู่ติดกับแหล่งชุมชนใดชุมนุมหนึ่งอยู่บริเวณภายนอกนั้น นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับทางเจ้าหน้าที่ขุดที่ทำการค้นหาปล่องถ้ำบนยอดเขาโดนทำการสแกนเพิ่มเติม แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบให้ต้องตรงกันเพื่อหาทางเข้าไป