ทุกคนช่วยกันด้วยความเต็มใจ และจะทำต่อไปจนกว่าภารกิจจะลุล่วง!

เรื่องเล็กๆ แต่สำคัญไม่แพ้กัน และกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับน้ำใจของ “ร้านซักผ้า” แห่งหนึ่ง ที่มี “จิตอาสา” รับซักรีดเสื้อผ้า-เครื่องแบบของเหล่าบรรดาเจ้าหน้าที่ ที่กำลังร่วมกันปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย

คุณเปรม-รวินท์มาศ ลือเลิศ เธอเป็นเจ้าของกิจการซักอบรีด “มิสไวท์คลีน” ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านป่าสักหลวง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

สอบถามประวัติส่วนตัวเพื่อให้รู้จักกันมากขึ้น คุณเปรม เล่าน้ำเสียงแจ่มใส พื้นเพเป็นคนอำเภอแม่จัน  ปัจจุบันอายุ 38 ปี จบปริญญาตรีด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ก่อนหน้านี้ เคยทำธุรกิจหลายอย่าง เปิดร้านมือถือ ขายเครื่องออกกำลังกาย ขายกิ๊ฟต์ช็อป แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

หลังเรียนจบปริญญาตรี ยังไม่รู้จะทำธุรกิจอะไรต่อ  พอดีไปเที่ยวหาพี่สาว เห็นเขาเปิดร้านซักรีด เลยคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ เลยไปหาเช่าตึกแถวบ้านดู  ตัวเมืองเชียงราย เปิดร้านซักอบรีดเล็กๆ มีเครื่องซัก 3 เครื่อง เครื่องอบ 1 เครื่อง ทำอยู่ 2 ปี  จึงผันตัวมารับซักผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว จากลูกค้ากลุ่มโรงแรม-รีสอร์ต

“ที่ขยับขยาย ไม่ใช่เพราะธุรกิจดีมาก แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง ลูกค้ารู้จักและเรียกใช้บริการมากขึ้น จากเดิมที่เป็นห้องแถว พื้นที่เริ่มไม่พอในการทำงาน  จึงขยับขยายมาอยู่ที่อ.แม่จัน บ้านเกิด ลงทุนก่อสร้างอาคารให้เหมาะสม ลงเครื่องมือได้เต็มที่ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องซัก และเครื่องอบ อย่างละ 15 เครื่อง และเครื่องรีดอุตสาหกรรมอีก 1 เครื่อง” คุณเปรม เล่าให้ฟัง

และว่า ปัจจุบัน ลูกค้าหลักของเธอคือ กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม-รีสอร์ต น้อยใหญ่ในจังหวัดเชียงราย งานที่รับมาทำจึงเป็นพวก ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ และช่วงนี้ซึ่งหน้าฝน นักท่องเที่ยวมีน้อย  จึงเป็น  “หน้าโลว์” ลูกค้ามีไม่มากเท่าหน้าไฮหรือช่วงหนาว เธอถึงมีโอกาสช่วยเหลือปฏิบัติการครั้งนี้ได้

“เห็นข่าวเด็กติดถ้ำ ตอนแรกไม่คิดอะไร คิดว่าวันสองวัน เจ้าหน้าที่คงช่วยได้แล้ว แต่ปรากฏว่าสามวัน สี่วัน  ห้าวัน ยังไม่ลุล่วง เริ่มมีการขอระดมการบริจาคสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราก็ทำอะไรไม่ได้ จะทำอาหารก็ทำไม่เป็น ครั้นจะไปซื้อของบริจาค ก็ไม่มีกำลังอะไรมากมาย  เลยคิดว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง

พอดีเห็นภาพเจ้าหน้าที่จำนวนมาก บางท่านมาแบบด่วน มีแค่ชุดเดียวไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน จะถอดซักได้ ก็คือ ช่วงพักผ่อน เราจึงเกิดความคิดอยากช่วยเหลือตรงนี้ ประกอบกับได้คุยกับหัวหน้าชุดกู้ภัยในพื้นที่ที่มีส่วนเข้าไปร่วมปฏิบัติการ คอยประสานงาน เขาแนะนำให้ทำดู แต่ไม่รู้จะติดต่อใคร เลยโพสต์เฟซส่วนตัว และให้น้องๆ เพื่อนๆ ช่วยกันแชร์ เผื่อจะไปถึง โดยทิ้งเบอร์โทรไว้ให้

พอตกเย็นวันนั้น เจ้าหน้าที่ตชด.ท่านหนึ่งโทรมา บอกเห็นมีบริการซักผ้าฟรี ทำให้ได้มั้ย แต่ดึกหน่อยนะ เพราะจะลงมาจากถ้ำหลวงฯ ก็สามสี่ทุ่มแล้ว เลยบอกไปว่าทำให้ได้ เพราะปกติเราทำงานกลางวัน ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่บางท่าน ลงมาสี่ทุ่มต้องกลับไปปฏิบัติงานอีกทีตอนตีห้า  เราต้องเร่งงานให้เขา รับผ้ามาสี่ทุ่มส่งคืนตอนตีหนึ่งตีสอง ซึ่งก็ทำให้ได้ เพราะโชคดีมีจิตอาสามาช่วยกันหลายคน” คุณเปรม เล่าอย่างนั้น

ก่อนเผยให้ฟังต่อ ถึงภารกิจจิตอาสาในแบบของเธอว่า ร้านของเธอ อยู่ห่างจากหน้าถ้ำหลวงฯ ประมาณ 30 กิโลเมตร  ทุกวันนี้ ถ้ามีเจ้าหน้าที่ท่านใดติดต่อมา ทางเครือข่ายจิตอาสา จะวิ่งรถไปรับเสื้อผ้าให้ถึงที่พัก หลังจากดำเนินการทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้ว เครือข่ายจิตอาสา ก็จะนำกลับไปส่งให้ถึงที่ตามเวลาที่แจ้งไว้

“ได้ช่วยซักชุดของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่หน้าถ้ำหลวงฯ  อย่าง ทหารไทย ทหารสหรัฐ กู้ภัย ตกวันละ 50-60 ชุด  โดยทีมงานจิตอาสาของเรามีอยู่ประมาณ 7-8 คน  ส่วนการประสานรับ-ส่งเสื้อผ้า จะมีจิตอาสาช่วยวิ่งรถ  เจ้าหน้าที่พักที่ไหน ไปเก็บที่นั่น  บางกลุ่มพักในตัวเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากร้านเราประมาณ 50-60 กิโลเมตร จะมีเพื่อนช่วยวิ่งรับส่งให้ แม้จะดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหนก็ไป” คุณเปรม บอก

เมื่อถามถึงสภาพเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่ ทำความสะอาดยากมากน้อยแค่ไหน คุณเปรม บอก ถึงแม้ปัจจุบันร้านของเธอจะ รับซักอบรีด ผ้าห่ม-ผ้าปูที่นอน แต่เธอเคยรับซักอบรีดพวกเสื้อผ้ามาก่อน เลยรู้เทคนิคอยู่แล้ว ส่วนเรื่องขี้โคลน-ขี้เลน ก็มีเลอะบ้างตามสภาพ วันไหนฝนตกก็เลอะเยอะหน่อย

“ช่วงนี้เป็นหน้าโลว์ของพวกรีสอร์ต-โรงแรม เราในฐานะคู่ค้าจึงต้องพยายามหาลูกค้าเพิ่ม แต่เวลานี้ยังติดภารกิจถ้ำหลวงฯ จึงจะให้แล้วเสร็จก่อน แล้วค่อยตั้งหน้าตั้งตาหาลูกค้ากันต่อไป” คุณเปรม บอกน้ำเสียงอารมณ์ดี

เมื่อถามว่า ถ้าคิดในแง่ธุรกิจ การรับซักผ้าให้ลูกค้าจำนวนมากเวลานี้ ถ้าคิดเป็นรายได้จะมากน้อยแค่ไหน

คุณเปรมหัวเราะร่วน ก่อนบอกขำๆ

“รวยค่ะ ลูกน้องบอกขำๆ ถ้างานนี้ได้ตังค์ โอทีคงหลายน้อ แต่ทุกคนมาช่วยกันด้วยความเต็มใจและไม่คิดว่าเป็นกระแสโซเชียลจะมากมายขนาดนี้ แต่ก็ขอบคุณทุกคน หลายคนโทรมาให้กำลังใจ บางคนอยากสนับสนุน ช่วยเหลือ แต่บอกไปว่างบมีพอแล้ว วัสดุอุปกรณ์พอแล้ว และคิดว่าภารกิจคงอีกไม่นาน และเราจะทำต่อไปจนกว่าภารกิจจะจบ ต้องขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ”