อภัยภูเบศร แจกสูตรสมุนไพรพื้นบ้านแก้กระดูกพรุน ในงาน เฮลท์แคร์ 2018

ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดย พบว่า ประชากรเด็กมีจำนวนน้อยกว่าผู้สูงอายุ จึงมีผลให้สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุสูงขึ้น และแน่นอนที่สุดการเพิ่มขึ้นของประชากรกลุ่มนี้ส่งผลต่อค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  การดูแลสุขภาพของตนเองเบื้องต้นในโรคที่เป็นปัญหาสำคัญของผู้สูงอายุ เช่น กระดูกพรุน  จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิง และ 1 ใน 8 ของผู้ชาย ที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป มีโอกาสเสี่ยงที่จะกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนโดยเฉพาะการเกิดกระดูกสะโพกหัก และร้อยละ 20 ของผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก จะเสียชีวิตในช่วงปีแรก ร้อยละ 30-40 เกิดความพิการ ไม่สามารถเดินได้ รวมทั้งไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวัน และช่วยเหลือตัวเองได้  การรักษากระดูกพรุนเป็นการชะลอการสลายของกระดูก  ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง การออกกำลังกาย  รวมถึงการใช้ยา  ซึ่งค่อนข้างมีราคาแพง  ในงานเฮลแคร์ 2018 นี้  อภัยภูเบศร จึงได้นำตำรับสมุนไพรชะลอการสลายของกระดูกมาเผยแพร่  เพื่อให้ประชาชนสามารถปลูก และเตรียมใช้เองได้ที่บ้าน

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “ในงานเฮลแคร์ 2018 นี้ เราเน้นการให้การดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม และมองประเด็นการเจ็บป่วยของผู้สูงอายุว่าสมุนไพรจะไปมีส่วนช่วยในเรื่องใดได้บ้าง  อย่างกระดุกพรุน โดยหลักการก็คงต้องนำเรื่องการ อาหาร การออกกำลังกายมาจับ โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนประกอบของคลซียมสูง ได้แก่ นม เนยแข็ง ปลาที่กินได้ทั้งกระดูก กุ้งแห้ง ถั่วแดง ผักสีเขียวเข้ม งาดำคั่ว แคลเซียมยิ่งตุนเก็บไว้เร็วเท่าไหร่  โอกาสที่จะเกิดกระดูกพรุนจะมีน้อย รวมถึงการออกกำลังที่มีการถ่วงหรือต้านน้ำหนัก และการรับแสงแดดอ่อนๆช่วยให้ร่างกานสังเคราะห์วิตามินดี ซึ่งไปช่วยดูดแคลเซียมมาใช้ในการสร้างกระดูก รักษาน้ำหนักอย่าให้ต่ำหรือสูงกว่าเกณฑ์ เลี่ยงการกินไม่กินอาหารเค็มจัดหรือที่มีโซเดียมสูง เลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมและชากาแฟ”

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีข้อมูลการศึกษาวิจัย พบว่า “เพชรสังฆาต” เป็นสมุนไพรน่าจะมีประโยชน์ในการบำรุงกระดูก  ด้วยรูปร่างของเพชรสังฆาตที่เหมือนกับกระดูก หมอพื้นบ้านบางท่านจึงเรียกว่า ต้นต่อกระดูก เป็นสมุนไพรที่หมอยาพื้นบ้านและชาวบ้านสมัยก่อนนิยมนำมาต้มกิน แกงกินเป็นยาบำรุง และรักษาริดสีดวงทวาร เช่นทีโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรพัฒนาเป็นยาแคปซูลใช้รักษาอาการริดสีดวงทวารมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 ซึ่งให้ผลการรักษาดีเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน ช่วยประหยัดงบประมาณในส่วนค่ายาได้ปีละกว่า2ล้านบาท

นอกจากสรรพคุณในการรักษาริดสีดวงทวารที่ดีแล้ว งานวิจัยปัจจุบันยังยืนยันการใช้ของหมอพื้นบ้านในการรักษากระดูกหัก มีการศึกษาทดลองในหนูพบว่า เพชรสังฆาตทำให้การสมานกระดูกเร็วขึ้น เพิ่มการสะสมของสารมิวโคพอลิแซ็กคาไรด์และแร่ธาตุในกระดูกที่หักได้ เพิ่มการดูดกลับของแคลเซียม ทำให้กระดูกยาวและกระดูกเอวของหนูที่ถูกตัดรังไข่มีความแข็งแรงเชิงกลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนการศึกษาในคน มีการทดลองให้ผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนอายุระหว่าง 45-75 ปี จำนวน 19 คน กินเพชรสังฆาตวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 400 มิลลิกรัม  เป็นเวลา 3 เดือน พบว่า เพชรสังฆาตมีฤทธิ์ต้านการเกิดสภาวะกระดูกพรุนของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และมีค่าปลอดภัยสูงไม่ก่อให้เกิดพิษแก่ตับและไตเป็นปกติ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เพชรสังฆาตจำหน่ายในตลาดโลกเป็นยาเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก เอ็น ข้อต่อ รวมถึงกล้ามเนื้อ จึงไม่อยากให้คนไทยเสียโอกาสในการใช้ยาดี ๆ นี้จึงนำสูตรดังกล่าวมาเผยแพร่  ในขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลกำลังทำวิจัยต่อยอดในการรักษากระดูกพรุน ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล  ซึ่งกำลังจะเริ่มเร็วๆนี้ ผู้สนใจสามารถมารับสูตรปละปรึกษาปัญหากระดูกพรุนได้ที่งานทุกวัน

โดยในงาน เฮลท์แคร์ 2018 ทางมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้จัดหาตันพันธุ์สมุนไพรเพชรสังฆาต จำนวน 100 ต้นต่อวัน พร้อมสาธิตสูตรการทำเครื่องดื่มบำรุงกระดูกให้กับประชาชนที่สนใจและมาเยี่ยมชมในงาน โดยงานนี้จัดขึ้นวันที่ 28 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคม นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ท่านสอบถาม หรือสามารถติดตามความรู้ดีๆของอภัยภูเบศรได้ที่ เฟซบุ๊คสมุนไพรอภัยภูเบศร www.abhaiherb.com