พาณิชย์ถก 3 หน่วยงาน ล้อมคอกสินค้าเกษตรล้นตลาด

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร ได้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งการให้ทำข้อมูลเกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจ ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงข้อมูลการผลิต ความต้องการใช้สินค้าเกษตร เพื่อนำไปจัดทำแผนการผลิต การตลาดอย่างครบวงจร ใน 6 พืชเศรษฐกิจสำคัญ คือ ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา อ้อย ข้าวโพด ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ตลอดจนห่วงโซ่การผลิต โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรและประชาชน รวมทั้งเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการทำเกษตรของเกษตรกรได้ รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาด เช่น กระทรวงเกษตรฯ รับไปดูเรื่องการผลิต โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพืชเกษตร ส่วนสำนักเศรษฐกิจการเกษตรก็จะลงพื้นที่ไปสำรวจปริมาณการผลิต ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็จะดูด้านการตลาด เป็นต้น

น.ส.ชุติมา กล่าวว่า ช่วงปลายปีนี้ก็จะมีผลผลิตข้าวและมันสำปะหลังออกสู่ตลาด จะได้เปรียบเทียบข้อมูลที่ได้ไปสำรวจมากับปริมาณผลผลิตจริงว่าเหมือนหรือแตกต่างกัน โดยอาจมีสาเหตุจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปหรือสาเหตุอื่น โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะเป็นแกนหลักในการสำรวจ จากนั้นทุกหน่วยงานก็จะทำข้อมูลที่ได้มาร่วมหาอีกครั้งในวันที่ 11 ก.ค.นี้ โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็จะนำมาจัดทำแผนการผลิตพืชเกษตรที่สำคัญให้เสร็จภายในเดือนก.ค.นี้

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า จะลงพื้นที่ไปสำรวจข้อมูลการผลิต ความต้องการของตลาดและแนวโน้มของตลาดและพื้นที่เพาะปลูกของพืชแต่ละชนิดทั้ง 6 ชนิด ได้ข้อมูลที่ชัดเจน จากปัจจุบันที่เป็นตัวเลขคาดการณ์ เพื่อนำข้อมูลพืชเศรษฐกิจทั้ง 6 ชนิดมาพิจารณาวางแผนรองรับ และแจ้งข้อมูลทั้งความต้องการตลาด และการผลิต ไปยังเกษตรกรเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าควรปลูกพืชชนิดใด

ส่วนสินค้าเกษตรอื่นที่มีปัญหาราคาตกต่ำ เช่น สับปะรด พบว่ามาจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสับปะรดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีราคาดีเกษตรกรจึงปลูกกันมาก ขณะที่การส่งออกชะลอตัวทำให้รับผลกระทบจากราคา ส่วนมะพร้าวที่พบว่าขณะนี้ราคาปรับตัวลดลง เพราะส่วนหนึ่งมีการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ ทำให้ราคาในประเทศตกนั้น กระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร จะต้องควบคุมการนำเข้าให้เหมาะสม พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ใช้ผลผลิตในประเทศเพื่อลดการนำเข้าและช่วยสินค้าเกษตรไทย

สำหรับสถานการณ์การผลิตข้าวปี 2561/62 กระทรวงเกษตรฯ ประกาศพื้นที่การส่งเสริมการปลูกข้าวนาปี จำนวน 58.2 ล้านไร่ ผลผลิตข้าว 25.3 ล้านตัน ตามกรอบเป้าหมายความต้องการใช้ข้าว ภายใต้ตลาดนำผลิต ส่วนราคาเดือนพ.ค. ข้าวเจ้าความชื้น 15% เกษตรกรขายได้อยู่ที่ตันละเฉลี่ย 8,017.94 บาท ราคามันสำปะหลังคละที่เกษตรกรขายได้อยู่กิโลกรัมละ 2.55 บาท ราคาปาล์มน้ำมัน (น้ำหนักมากกว่า 15 กิโลกรัม) ที่เกษตรกรขายได้อยู่กิโลกรัมละ 3.15 บาท ราคายางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 45.68 บาท และราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 8.48 บาท

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์