กสิกรไทยจับมือวีแชทเอาใจขาช้อปชาวจีนเข้าไทย9ล้านคน

คุณนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เผยว่า  ได้จับมือกับ วีแชท (WeChat) หนึ่งในแอพพลิเคชั่นระดับโลกที่มีจำนวนคนลงทะเบียนใช้งานกว่า 800 ล้านคน   โดยมีจุดเด่น คือ บริการอี-วอลเล็ต (e-Wallet) ที่เรียกว่า วีแชทเพย์ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมออนไลน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย

ทั้งนี้กสิกรไทยและวีแชทได้พัฒนาระบบของเครื่องรับชำระเงินหรืออีดีซีร่วมกัน ด้วยการติดตั้งเครื่องอ่านเทคโนโลยีคิวอาร์โค้ด เพื่อเพิ่มช่องทางให้ร้านค้าต่าง ๆ สามารถรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการจากลูกค้าชาวจีนผ่านวีแชทเพย์ ซึ่งเป็นระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ภายในแอพพลิเคชั่นวีแชท เพียงแค่เปิดแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ แล้วร้านค้าใช้เครื่องสแกนคิวอาร์โค้ดก็สามารถจ่ายเงินได้ทันที เป็นการอำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้กับกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่ปกตินิยมใช้วีแชทเพย์สำหรับยอดชำระเงินที่มีจำนวนเงินไม่สูงนัก (Micro Payment Transaction) โดยผู้ใช้จะเติมเงิน ผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิตเข้ากับอี-วอลเล็ต

ปัจจุบันธนาคารมีเครื่องรับชำระเงินที่รองรับการติดตั้งเครื่องอ่านคิวอาร์โค้ดได้กว่า 200,000 เครื่อง และพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะเริ่มให้บริการกับร้านค้าที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเข้าไปใช้บริการ ทั้งร้านค้ารายใหญ่และรายย่อยครอบคลุมทั่วประเทศ

คุณนพวรรณกล่าวว่า ธนาคารวางแผนจะขยายโอกาสทางธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของชาวจีนที่มีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีกำลังซื้อและนิยมซื้อสินค้าและบริการในประเทศไทยสูง ดังนั้นการนำเสนอช่องทางการชำระเงินในรูปแบบใหม่ ๆ นั้น เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายให้กับผู้ประกอบการชาวไทย และช่วยกระจายรายได้ของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าว ยังครอบคลุมถึงการจัดงานสัมมนา “Empower Your Business with WeChat” เพื่อให้ความรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการไทยที่จะมีต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย

“นักท่องเที่ยวจีน เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2559 จะมีชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.4% จากจำนวน 7.93 ล้านคนในปี 2558 และประเทศไทยจะเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวจีนในอีก 3 ปีข้างหน้า”