ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน เกษตกรชาวสวนผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกสับปะรดพันธุ์ขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงรายพันธุ์นางแลและภูแล ต่างพากันลำเลียงผลผลิตสับปะรดบรรทุกใส่รถกะบะ ส่งให้ทางบริษัทสมบัติทัวร์ ขนส่งสาขาจังหวัดเชียงราย เพื่อให้ช่วยลำเลียงสับปะรด ที่ปัจจุบันราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1-2 บาทและไม่มีตลาดรับซื้อ ทางบริษัทสมบัติทัวร์ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรด้านการขนส่ง ส่งไปจำหน่ายยังผู้บริโภคพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่จังหวัดทางภาคกลาง ในราคากิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งการช่วยเหลือด้านขนส่งฟรีของภาคเอกชนดังกล่าว จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากมาตรการช่วยเหลือ ซึ่งนอกจากจะสามารถระบายผลผลิตที่กำลังออกมาพร้อมกันมากกว่า 200 ตันแล้ว ยังทำให้เกษตรกรมีกำไรเหลือจากการลงทุน โดยล็อตแรกมีการจัดส่งไปแล้วกว่า 6 ตัน และจะทยอยขนส่งช่วยเหลือเรื่อยๆ จนกว่าราคาสับปะรดในพื้นที่จะขยับขึ้น หรือผลผลิตหมดแล้ว
ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปิยพรไพบูลย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมสับปะรดไทย ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า ขณะนี้สับปะรดที่มีภาวะล้นตลลาดเกินกำลังการผลิตในพื้นที่ปลุก 29 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อแปรรูปในการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศมากถึงร้อยละ 90 ของผลผลิตโดยรวมได้สิ้นสุดฤดูกาลแล้ว ทำให้มีสับปะรดส่วนเกินลดลง เนื่องจากชาวไร่ส่วนใหญ่ปล่อยทิ้งให้เสียหายเพราะการเก็บเกี่ยวไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ขณะที่โรงงานสับปะรดกระป๋องใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีจำนวนมากสุดในประเทศ จะเริ่มทยอยปิดสายการผลิตตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป และจะเปิดสายการผลิตอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน คาดว่าจะทำให้ราคาสับปะรดหน้าโรงงานจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ดังนั้นสมาคมฯจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐทั่วประเทศ หยุดกิจกรรมการรับซื้อสับปะรดออกนอกวงจรการผลิตจากปัญหาราคาตกต่ำ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่ผลดีกับตลาดการค้าระหว่างประเทศ ที่สำคัญการรับซื้อเพื่อกระจายผลสดไม่ถึง 5,000 ตัน ไม่สามารถเทียบกับมูลค่าความเสียหายของผลิตล้นที่ล้นตลาดจำนวนมหาศาล ทุกฝ่ายต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรทั่วประเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ทำให้เกษตรกรบางจังหวัดต้องนำไปกองแจกจ่ายให้กับผู้บริโภคฟรีๆ ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงผลงานของรัฐบาลยุค คสช. ซึ่งยังมีพืชผลการเกษตรหลายชนิดราคาตกต่ำไม่ต่างกัน เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว ข้าวโพด ขณะที่ปัจจุบันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่จัดการปัญหา สามารถทราบปริมาณ สถานการณ์ผลผลิตทางการเกษตรล่วงหน้าได้ โดยเฉพาะสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถจัดการปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำได้อย่างยั่งยืน