ไปรษณีย์ไทย เปิดตัว “รถจักรยานยนต์นำจ่ายโฉมใหม่” รับดีมานด์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นำร่องกรุงเทพฯ

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า จากนโยบายไปรษณีย์ไทย 4.0 พัฒนาระบบการให้บริการ พร้อมเพิ่มมาตรฐานคุณภาพระบบงานนำจ่าย เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการในทุกการฝากส่ง ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดตัว “รถจักรยานยนต์นำจ่ายโฉมใหม่” ซึ่งเป็นนวัตกรรมกล่องไฟเบอร์กลาสรูปแบบใหม่ เพื่อยกระดับการนำจ่ายสิ่งของให้ส่งถึงมือผู้รับปลายทางด้วยความปลอดภัย และคงรูปทรงของสิ่งของตลอดเส้นทาง ขณะเดียวกันยังเพิ่มศักยภาพให้เจ้าหน้าที่นำจ่าย สามารถบริหารจัดการกับสิ่งของหลากหลายขนาดได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กล่องนำจ่ายฯ พัฒนาจากวัสดุพลาสติกประเภทไฟเบอร์กลาสคุณภาพดี มีขนาดบรรจุ 148 ลิตร พร้อมเคลือบโลโก้ไปรษณีย์ไทย 3 สี รอบตัวกล่อง เป็นเอกลักษณ์จดจำง่าย เพื่อสะท้อนความเป็นไปรษณีย์ไทยอย่างแท้จริง โดยดีเดย์ใช้พร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ เดือนก.ค. 2561

นางสมร กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนปริมาณงานสิ่งของที่ฝากส่งจากผู้ใช้บริการในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ประกอบกับรูปแบบสิ่งของที่ผู้ใช้บริการฝากส่งเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบกล่องพัสดุเป็นจำนวนมากนั้น ไปรษณีย์ไทย จึงพัฒนาระบบการนำจ่ายด้วยนวัตกรรมกล่องไฟเบอร์กลาสที่จะนำมาติดตั้งท้ายรถจักรยานยนต์ โดยจะเริ่มนำร่องใช้กับการนำจ่ายกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งสิ่งของประเภทดี-แพ็กเกจ (D-Packet) หนังสือเดินทาง (Passport) ยาและเวชภัณฑ์ ฯลฯ โดยไปรษณีย์ไทย ได้ดีเดย์รถจักรยานยนต์นำจ่ายโฉมใหม่ที่ติดตั้งกล่องไฟเบอร์กลาสกว่า 100 คัน นำร่องในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ทั่วประเทศในเดือนก.ค. 2561 นี้

สำหรับรถจักรยานยนต์นำจ่ายรูปแบบใหม่นี้ จะให้บริการนำจ่ายแก่ลูกค้าที่สั่งของจากผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ อาทิ ลาซาด้า โอ้โห สลิมพลัส เป็นต้น บริการจัดส่งหนังสือเดินทาง (Passport) และบริการจัดส่งเอกสารเพื่อแปลและรองรับทางไปรษณีย์ของกรมการกงสุล บริการจัดส่งหนังสือเดินทางที่ได้รับอนุมัติวีซ่า (Courier Pass Back Service) บริการรับจัดส่งยา/เวชภัณฑ์/สิ่งส่งตรวจต่างๆ สำหรับโรงพยาบาล/สถานพยาบาล/ สถาบันวิจัย บริการดี-แพ็กเกจ บริการจัดส่งบัตรคลับการ์ดของเทสโก้ โลตัส เป็นต้น

ทั้งนี้ จะนำจ่ายสำหรับสิ่งของที่ส่งให้ลูกค้าหรือผู้สั่งซื้อด้วยบริการ EMS โดยเจ้าหน้าที่นำจ่ายจะโทรศัพท์นัดหมายวันและเวลากับผู้รับปลายทางก่อนหรือขณะการออกไปนำจ่ายทุกครั้ง พร้อมให้นำจ่ายสิ่งของให้ผู้รับตามเวลาที่นัดหมายกัน เรียกเก็บเงินจากผู้รับตามจำนวนที่ระบุไว้ ซึ่งการยกระดับการนำจ่ายครั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย เชื่อมั่นว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบันได้

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงรถจักรยานยนต์นำจ่ายดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับสู่ไปรษณีย์ไทย 4.0 ซึ่ง ไปรษณีย์ไทย ยังคงเดินหน้ายกระดับคุณภาพการให้บริการในทุกด้าน รวมไปถึงนวัตกรรมในกระบวนการทำงานที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการไปรษณีย์แก่คนไทย และก้าวสู่การเป็น “เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย” อย่างเต็มภาคภูมิ นางสมร กล่าวทิ้งท้าย