ผู้เขียน | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
การเริ่มกินอาหารแต่เช้าและกินให้ครบ 3 มื้อภายในเวลาก่อน 15.00 น. ในแต่ละวัน ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานสอดคล้องกับนาฬิการ่างกาย ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนัก รวมทั้งป้องกันโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงอีกด้วย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. คอร์ตนีย์ พีเตอร์สัน จากมหาวิทยาลัยแอละแบมา วิทยาเขตเบอร์มิงแฮมของสหรัฐฯ (UAB) ได้ทดสอบเทคนิคการอดอาหารแบบจำกัดเวลากินไว้ในช่วงเช้า (eTRF) ว่าจะช่วยในการควบคุมน้ำหนักและส่งผลดีต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ ได้ดีกว่าเทคนิคการอดอาหารแบบอื่นจริงหรือไม่
- กินของมันทำให้คุณเป็นสิวจริงหรือ?
- 5 ปัจจัยส่งผลต่อน้ำหนักตัว
- อาหารคาร์โบไฮเดรตสูงอาจเร่งให้ผู้หญิงหมดประจำเดือนเร็วขึ้น
มีการกำหนดให้กลุ่มทดลองที่เป็นชาย 8 คน ซึ่งแต่ละคนมีน้ำตาลในเลือดสูงและอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เข้ารับการควบคุมช่วงเวลารับประทานอาหาร โดยให้เริ่มกินมื้อแรกของวันตั้งแต่เวลา 6.30 – 8.30 น.และให้กินมื้อต่อไปให้ครบ 3 มื้อ ภายในเวลาราว 6 ชั่วโมงหลังจากนั้น ส่วนอาหารที่รับประทานเป็นเมนูแบบเดียวกับของชาวอเมริกันทั่วไป และให้กินในปริมาณปกติที่เคยชินมาก่อน
เมื่อถึงเวลา 15.00 น. กลุ่มทดลองจะต้องไม่รับประทานสิ่งใดอีกเลยจนกระทั่งเข้านอน ซึ่งเท่ากับว่าผู้ที่ใช้เทคนิควิธีการกินแบบนี้จะต้องอดอาหารเป็นเวลาราว 18 ชั่วโมงในแต่ละวัน โดยเน้นที่ช่วงเวลาเย็นและค่ำ

“เห็นได้ชัดว่าการอดอาหารแบบจำกัดเวลากินไว้ไม่เกินบ่าย 3 โมง ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและการลดน้ำหนักมากกว่า เนื่องจากสอดคล้องกับนาฬิการ่างกายที่กำหนดให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีที่สุดในช่วงเช้า จึงไม่น่าแปลกใจที่เทคนิคการอดอาหารแบบที่อนุญาตให้กินได้จนถึงเวลา 6 โมงเย็นหรือช่วงหัวค่ำจะไม่ได้ผลมากนัก” ผศ.ดร.พีเตอร์สัน กล่าว
การทดลองครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกของโลกที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การที่น้ำหนักตัวลดลงหลังอดอาหารในช่วงเวลาจำกัด ไม่ได้เกิดจากการรับประทานในปริมาณน้อยลง แต่เป็นเพราะได้ปรับสมดุลระบบเผาผลาญให้สอดรับกับวงจรนาฬิการ่างกายมากกว่า ดังที่เห็นได้จากกลุ่มทดลองในครั้งนี้ ซึ่งลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนชนิดอาหารหรือลดปริมาณที่เคยรับประทานลงแต่อย่างใด
ที่มา ข่าวสดออนไลน์