ที่มา | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ชาวเวียดนามต้องตกตะลึง หลังจากตำรวจด้านสิ่งแวดล้อมในจังหวัดดั๊กนง บุกยึดเมล็ดกาแฟหลายสิบตันที่โรงงานแปรรูปเมล็ดกาแฟแห่งหนึ่ง ที่มีการตรวจสอบพบว่ามีสารในถ่านไฟฉายผสมอยู่
เว็บไซต์บีบีซี ภาษาเวียดนาม รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามได้ยึดเมล็ดกาแฟน้ำหนักรวมกว่า 12 ตัน พร้อมกับ ผงสีดำจากถ่านไฟฉายยี่ห้อท้องถิ่น และถังบรรจุสารละลายสีดำ น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม
ด้านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ผลิตนำเอาผงหินและเศษเมล็ดกาแฟ มาผสมกับสารละลายสีดำที่ได้จากส่วนประกอบที่อยู่ในถ่านไฟฉาย เพื่อทำให้ส่วนผสมทั้งหมดมีสีดำเป็นมันคล้ายเมล็ดกาแฟจริง และจำหน่ายให้กับคนทั่วไป
- เวียดนามเพิ่ม จนท.เซ็นเซอร์ รับมือ ‘ความวุ่นวายทางอินเทอร์เน็ต’
- “แก๊สพิษ” โรงน้ำปลาในเวียดนามคร่าชีวิตคนงานไทย
- นักวิทยาศาสตร์ชี้เมนูเลือดหมูดิบของเวียดนามเสี่ยงก่อโรคร้าย
นางเหวียน ถิ แทง หลวน เจ้าของโรงผลิตกาแฟปนเปื้อนดังกล่าว เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า เธอได้จำหน่ายกาแฟดังกล่าวไปแล้วกว่า 3 ตัน นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
โดยปกติแล้วกาแฟธรรมดา น้ำหนัก 1 กิโลกรัม จะใช้ชงกาแฟได้ประมาณ 40 แก้ว แต่ข้อมูลที่ได้จากการเปิดเผยของเจ้าของโรงงานผลิตกาแฟปนเปื้อน เองพบว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีกาแฟราว 120,000 แก้ว ถูกชงและเสิร์ฟให้กับลูกค้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นระบุว่า การตรวจพบและยึดเมล็ดกาแฟปนเปื้อนสารจากถ่านไฟฉายพบเพียงในหมู่บ้านแห่งเดียว ในจังหวัดดั๊กนง ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงตอนกลางของประเทศเท่านั้น และเกิดขึ้นเฉพาะที่โรงงานแห่งนี้เท่านั้น ในขณะนี้ยังไม่มีรายงานจากพื้นที่อื่น ๆ
ด้านนายหวูู เถ แทง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานคุณภาพ ระบุว่า เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงต่อสาธารณชนเป็นอย่างมาก เพราะสารประกอบต่าง ๆ ในถ่านไฟฉายนั้นประกอบด้วยสารเคมีอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น แมงกานีส ไดออกไซด์ รวมทั้งสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหลายชนิด ซึ่งไม่อนุญาตให้นำมาใช้ในการประกอบอาหาร
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอ้างคำพูดของผู้เชี่ยวชาญอีกรายว่า แมงกานีสถือเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อช่วยการทำงานของเอนไซม์บางประเภทในการ ขจัดพิษ แต่ต้องได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากร่างกายได้รับแมงกานีสเกินกว่า 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ก็จะส่งผลเสียต่อการทำงาน ของอวัยวะภายในได้
นายแทงย้ำว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้เข้าข่ายความผิดทางอาชญากรรม พร้อมแนะว่าการแก้ปัญหานี้สามารถจัดการได้โดยง่าย โดยเจ้าหน้าที่เพียงสั่งปิดร้านหรือกิจการผู้กระทำผิดไปพร้อม ๆ กับการสร้างความรู้ความเข้าใจ และแนะนำวิธีการผลิต และจำหน่ายเมล็ดกาแฟ ให้ถูกต้องและไม่ละเมิดกฏหมาย
“อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่ว่าเจ้าหน้าที่จะมีความพยายามที่จะผลักดันเรื่องดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของประชาชนมากน้อยเพียงใด” ผู้เชี่ยวชาญคนดังกล่าวระบุ
https://www.facebook.com/khuat.t.hong/posts/10213474878198981
ภายหลังมีการรายงานข่าวดังกล่าว ชาวเวียดนามหลายคนต่างแสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ เช่น ควัต ทู ฮอง นักสังคมศาสตร์ชื่อดังรายหนึ่งโพสต์ ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “โอ้พระเจ้า..ฉันดื่มกาแฟทุกวัน หากว่าฉันเสียชีวิต ก็ให้ลูก ๆ เรียกร้องความผิดชอบได้จากกรณีนี้ได้เลย”
ขณะที่นักสังคมศาสตร์อีกรายระบุว่า การกระทำเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นฆาตกรรมต่อเนื่อง
https://www.facebook.com/dinhbon.nguyendinhbon/posts/1850154875038822