นักดำน้ำ วอนอย่าล่าฉลาม ชี้สะท้อนระบบนิเวศน์สมบูรณ์ ควรให้ความรู้ ทำแหล่งท่องเที่ยว

จากกรณีพบฉลามกัดคนที่บริเวณเขาเต่า หัวหิน ซึ่งมีความกังวลจากประชาชนว่า ฉลามฝูงดังกล่าวอาจเป็นอันตรายกับคนที่ไปเล่นน้ำ และทำให้สถานที่ท่องเที่ยวเกิดความเสียหายนั้น นายธรรมยุทธ์ วัฒนวงศ์วรรณ นักดำน้ำ ซึ่งดำมากว่า 10 ปี เปิดเผยหลังเดินทางไปดูฉลามฝูงดังกล่าว ว่า การที่พบฉลาม ถือเป็นเรื่องน่าดีใจมาก ซึ่งนักดำน้ำต่างตื่นเต้น โดยตนรีบขับรถมาจากกรุงเทพฯ เพื่อดูให้เห็นกับตาเลยทันที ซึ่งฉลามเป็นตัวบ่งบอกถึงระบบนิเวศน์ ว่าสมบูรณ์แค่ไหน

“ฉลามในมุมมองของนักดำน้ำ ค่อนข้างขี้กลัว เขินอาย เป็นสัตว์ที่กลัวคนมากๆ ในการเข้าหาฉลามค่อนข้างยากมาก ต้องใช้ดวง คนเข้าใจผิดว่า ฉลามที่เจอโจมตีคน แต่จริงๆ มันขี้กลัวมาก ตอนที่ผมไปมาแค่โยนหินเค้าก็หนีแล้ว แต่ที่คนโดนทำร้าย เพราะบริเวณดังกล่าวเหมือนเป็นแหล่งอนุบาล แม่ปลาน่าจะเพิ่งคลอดบริเวณที่เป็นน้ำจืดปากน้ำ คนน่าจะเข้าใกล้เกินไป รวมทั้งน้ำขุ่น จนทำให้ฉลามคิดว่าเป็นปลา ซึ่งปกติมันจะไม่ไล่กัดสัตว์ที่ใหญ่กว่าตัวเอง และหากมันจะโจมตีมันจะสะบัดและเชื่อว่าคงจะบาดเจ็บมากกว่านี้” นายธรรมยุทธ์ กล่าว

นายธรรมยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ดำน้ำมา 10 ปี เคยเจอฉลามหัวบาตรเยอะๆ ที่เกาะเต่าครั้งเดียว โดยขนาดตัวยาว 3-4 เมตร หนัก 150 โล แต่มันก็หายไป ผ่านไป 5 ปี มันก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง จริงๆ โอกาสเข้าใกล้ฉลามยากมาก ที่เมืองไทยใกล้สุดน่าจะ 2-3 เมตร ต้องว่ายตามด้วยซ้ำ แต่ฉลามต่างประเทศ มันมีการให้อาหาร มันจะคุ้นเคยกับคน มันจะเข้าใกล้คน

ภาพที่มีการแชร์ว่าชาวบ้านเริ่มล่าฉลาม

“อยากบอกว่าฉลามมันหายากมาก และควรทำความเข้าใจให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่
ตอนนี้เข้าใจดีว่าชาวบ้านค่อนข้างไม่มีความรู้การอยู่ร่วมกับฉลาม คนกังวลใจมาก จนเกิดกระแสการล่า แต่อยากยืนยันว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เราควรให้ความรู้แทนจะออกไปล่ามัน โดยฉลามชนิดนี้จะอยู่ที่น้ำประมาณ 5-6 เมตรและโขดหิน ต้องปักป้าย ให้ความรู้คน ถ้ามีโอกาสควรต้องเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว” นายธรรมยุทธ์ กล่าว

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์