ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก บริษัทใช้ช่องทางผ่านสหกรณ์หลอกปลูกผัก ถึงกำหนดชิ่งหนี-ไม่จ่ายเงิน

วันที่ 9 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรบ้านหนองบัวลี ต.ไทยสามัคคี อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 7 ครอบครัว นำหลักฐานเป็นบัญชีการขายผักบุ้ง และสัญญาเงินกู้ ไปร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.หนองหงส์ ให้ช่วยติดตามเงินขายผักบุ้งกับบริษัทแห่งหนึ่ง หลังสหกรณ์ อ.หนองหงส์ เป็นผู้ติดต่อมาเป็นคู่สัญญารับซื้อ แต่กลับไม่ได้เงินตามที่ตกลง จนกระทั่งเวลาผ่านล่วงมานาน 3 เดือน ยังไม่มีการจ่ายเงินที่จะได้รับรายละ 5,000 – 50,000 บาท เฉพาะเงินกลุ่มเกษตรกร 7 คนรวมเป็นเงินกว่า 200,000 บาท ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่มีเงินไปชำระหนี้สินที่กู้มาลงทุน และเงินค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือน

นางพนารัตน์ อำไพ อายุ 53 ปี เกษตรกรบ้านหนองบัวลี หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา สหกรณ์หนองหงส์ ได้นำโครงการปลูกผักมานำเสนอ โดยจะมีบริษัทหนึ่ง อยู่ที่จ.ขอนแก่น มาประกันราคาผลผลิตให้ โดยมีโปรแกรมการปลูกผักหลายชนิด มีทั้งมะเขือ ถั่วฝักยาว และผักอื่นๆ อีกหลายชนิด มีชาวบ้านสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 30 ครอบครัว

โดยคุ้มของพวกตนจับกลุ่มกันได้ 7 ครอบครัว เลือกเอาโปรแกรมปลูกผักบุ้ง ซึ่งบริษัทประกันราคา กิโลกรัมละ 25 บาท จึงเริ่มวางแผน โดยบริษัทยังได้นำพันธุ์ผักบุ้งมาให้ จนกระทั่งนัดปลูกผักบุ้งในวันที่ 21 ธ.ค. 2560 นอกจากนี้บริษัทยังบังคับให้ซื้อปุ๋ยของบริษัทโดยผ่านสหกรณ์หนองหงส์ รายละ 2,000 – 6,000 บาท ซึ่งให้จ่ายเงินในภายหลัง ทำให้เกษตรกรมั่นใจ และมีความหวังจะขายผักบุ้งได้ในราคาประกัน โดยก่อนจะถึงวันเก็บผักบุ้ง มีตัวแทนบริษัทมานัดหมายวันส่งผักบุ้ง และได้เริ่มเก็บผักบุ้งในวันที่ 28 ม.ค. 2561 โดยมีตัวแทนของสหกรณ์หนองหงส์ เข้ามาควบคุมดูแลการขนส่ง

แต่หลังจากเก็บไปแล้ว เกษตรกรกลับไม่ได้รับเงินตามสัญญา มีการผลัดวันนัดจ่ายเงินมาตลอด สอบถามไปยังสหกรณ์หนองหงส์ ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ อ้างว่ากำลังเร่งติดตามทวงถามกับบริษัท จนถึงขณะนี้ผ่านไปร่วม 3 เดือนก็ยังไม่เงิน จนชาวบ้านเดือดร้อน จึงอยากจะให้หน่วยงานมาช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อน เพราะแทบจะไม่มีเงินใช้จ่ายในครัวเรือน ทั้งมีหนี้สินนอกระบบที่กู้มาลงทุนอีก
ด้วย

ด้านนายโชค สดโคกกรวด อายุ 63 ปี เกษตรกรอีกรายที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.หนองหงส์ แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง จนชาวบ้านไม่มีทางออกที่จะไปพึ่งใคร

นายโชค ยังบอกว่า ต่อมาสหกรณ์ได้อนุมัติเงิน “กองทุนฟื้นฟูอาชีพ” ให้รายละ 20,000 บาท เพื่อเป็นการเยียวยา โดยมีการหักเงินค่าปุ๋ย ค่าพันธุ์ผักบุ้งออก รายละ 3,000 – 6,000 บาท ชาวบ้านส่วนหนึ่งจึงนำเงินที่เหลือมาชำระหนี้ค่าแรงที่ติดค้างกับแรงงานไว้

แต่เงินฟื้นฟูจำนวน 20,000 บาท ที่ได้รับมา เกษตรกรต้องทำสัญญาเงินกู้กับสหกรณ์ ไม่มีดอกเบี้ย แต่ต้องชำระตามกำหนด ตอนนี้เท่ากับเกษตรกรต้องกู้เงินมาเยียวยาตัวเอง ส่วนเงินค่าผักบุ้งยังไม่มีใครได้รับแม้เดียว มีเพียงเกษตรกรอีกกลุ่มหนึ่งโชคดีที่ปลูกพืชชนิดอื่น เพราะอายุการเก็บเกี่ยวยาวกว่าผักบุ้ง เมื่อทราบว่าไม่ได้เงินค่าผักบุ้ง ต่างไหวตัวเอาผลผลิตไปขายที่อื่น

ตอนนี้เกษตรกรกลุ่มนี้ประมาณ 11 ราย กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีเงินใช้จ่าย และลงทุนการทำการเกษตรอย่างอื่น จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาช่วยเหลือให้ได้รับเงิน พร้อมแนะวิธีเอาผิดกับบริษัทให้มารับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวสอบถามนางสุบังอร สินประสิทธิ์ ผู้จัดการสหกรณ์หนองหงส์ ได้รับคำตอบว่า ครั้งแรกมีบริษัทมาติดต่อให้เกษตรกรร่วมโครงการปลูกผักโดยมีราคาประกันให้ สหกรณ์เห็นเกษตรกรจะได้ประโยชน์ จึงสอบถามความสมัครใจ จนมีคนเข้ามาร่วมโครงการกว่า 30 ราย หลังจากเกษตรกรไม่ได้รับเงิน ก็พยายามติดต่อกับบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้น่าจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจนต้องคอยประชุมสอบถามคณะกรรมการก่อน