ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายเรืองยศ เพ็งสกุล ประธานกรรมการวิสาหกิจชุมชนคนกรีดยาง และชาวสวนยางรายย่อยถ้ำพรรณรา กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมที่จะเปิดโรงรมยางแห่งใหม่ว่า ในวันที่ 18 เมษายน 2561 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป จะทำบุญเปิดโรงรมบ้านโคกเคียน เพื่อรองรับการขยายตัวของสมาชิกและเป็นทางเลือกในการจำหน่ายน้ำยางสดให้กับเกษตรกรชาวสวนยางในเขตพื้นที่ อ.ถ้ำพรรณรา
“เดิมทางกลุ่มได้ขอใช้โรงรมยางพาราบ้านเกาะขวัญ ซึ่งเป็นของ กยท. สร้างเมื่อปี 2537 อายุโรงรมใช้งานมากว่า 20 ปี ทำให้มีข้อจำกัดในการผลิตยางแผ่นรมควันให้ได้คุณภาพ และเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานในการรมและกำลังการผลิตที่ 7,500 กก./น้ำยางสด/วัน ทำให้ไม่เพียงพอต่อปริมาณน้ำยางสดของสมาชิก ทางกรรมการจึงเห็นสมควรสร้างโรงรมแห่งใหม่มารองรับสมาชิกและปรับปรุงโรงรมเดิมบางส่วนให้มีมาตรฐานมากขึ้น”
เมื่อถามว่าท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคายางพารามีแนวโน้มที่ต่ำลง สร้างโรงรมแห่งใหม่จะทำให้เกิดผลดีหรือผลเสียอย่างไรนั้นได้คำตอบว่า โรมรมยางเป็นการแปรรูปที่กลุ่มเกษตรกรสามารถลงทุนได้ง่ายเพราะต้นทุนประมาณ 5-10 ล้าน มีประโยชน์ในการช่วยชะลอ ยางออกสู่ตลาดในแต่ละวันจากมือเกษตรกร เป็นการแข่งขันด้านราคาแต่ละวันจะกดราคากันไม่ได้ แต่ผลเสียก็มีคือกลุ่มทุนจะไปแปรรูปเองทุกแบบสุดท้ายมากดราคาเกษตรกรหรือกลุ่มแปรรูปอยู่ไม่ได้ ถ้าภาครัฐยังไม่ทำอะไรแบบจริงจังและชัดเจน ทำๆ หยุดๆ แบบไม่ต่อเนื่องราคาก็ยังคงถูกกลุ่มทุนกดอยู่แบบนี้
“เช่นตอนนี้ ราคายางรมยังถูกกดไม่เกิน 49 บาท ทั้งๆที่ยางมีน้อย ปิดกรีด แต่ปัญหายางขายฝากรอเวลาเพื่อตัด โรงรมยางมีมากครับทั้งที่เปิดใหม่และปิดตัว โดยเฉพาะปีที่แล้วทั้งปีขายยางได้ราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ปิดไปก็มาก คิดว่าเปิดกรีดหน้า ผมต้องช่วยเหลือสมาชิกจึงต้องสร้างโรงเพิ่มมารองรับ ขอให้พออยู่ได้เพราะเป็นอาชีพไปทำอย่างอื่นก็ไม่ได้ครับ รัฐเองต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่ถึงมือเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรโดยตรงแบบ การบริหารของโรงรมส่วนใหญ่ทั่วถึง เสมอภาคแบ่งค่าบริหารจัดการตามสัดส่วนที่เหมาะสมไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ส่งเสริมการใช้ในประเทศแบบง่ายๆ สร้างเครื่องมือมาบริการช่วยเหลือ อบรมวิธีการทำ เช่น การทำถนน ใครอยากทำถนนเข้าบ้านกับยางพารา กยท.มีเครื่องมือให้ยืมและแนะนำวิธีทำให้ เกษตรกรได้ถนนเข้าบ้านทำด้วยยางพาราของตนเอง ลดปริมาณยางออกสู้ตลาด เป็นต้น หรือทำโชว์รูมขายผลิตภัณฑ์ตาม กยท.เขตต่างๆ ได้มีแหล่งซื้อสินค้าที่ใกล้บ้านเกษตรกรยาง เกษตรกรซื้อโดยเกษตรกรเอง ทำการตลาดให้มากกว่าการส่งเสริมการปลูก เอาตัวแทนเกษตรกรที่แท้จริงในแต่ละกลุ่มเข้าแก้ปัญหาในสภาเครือข่ายลดข้าราชการประจำที่ไม่เกี่ยวข้องลงได้ไปทำงานประจำเขา จะได้แก้ตรงจุดที่กระทบกับคนส่วนใหญ่ รัฐต้องไม่สร้างกำแพงกีดกันและรับฟังเสียงของทุกคนที่เดือดร้อน”