ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยิ่งใหญ่ อายะนันทน์ อดีตนักแสดงชื่อดัง นายกเทศมนตรีตำบล (ทต.) ท่าสัก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ใจความว่า
“ความว่างเปล่าเวลานี้ 14.40 น.ที่เทศบาลท่าสัก ศุกร์-สุกข์ กันมากเลยครับท่านผู้ชม ว่างแม้นกระทั่งห้องทำงาน ภาพที่ถ่ายทั้งหมดเวลา 14.40 น.วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2560”
นายยิ่งใหญ่ ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ดังกล่าวจริง เพราะหมดความอดทนกับการทำงานของข้าราชการ และพนักงานบางคนของ ทต.ท่าสักแล้ว หนีราชการกลับบ้านก่อนเวลาราชการ ข้าราชการบางคนไม่ค่อยมาทำงาน ไม่สนองนโยบายของผู้บริหารเทศบาล ทำให้นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ ผู้ว่าราชการ จ.อุตรดิตถ์ สั่งตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมา ผลสรุปว่า ข้าราชการหนีราชการจริง พร้อมให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดวินัยด้วย
นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ ผู้ว่าราชการ จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ผ่านไป 3 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าว่า จะมีข้าราชการคนใดบ้างต้องถูกลงโทษอย่างไร การตั้งกรรมการสอบสวนก็ยังไม่แล้วเสร็จ ไม่ทราบว่าจะตั้งกันทั้งชาติหรืออย่างไร ให้ท้องถิ่นจังหวัดทำหนังสือไปเร่ง โดยจะให้เวลา 15 วัน จะต้องได้ตัวผู้มาเป็นกรรมการ และให้กรรมการทำงานอีก 15 วัน จะต้องสรุปออกมาว่า ข้าราชการรายใดถูกลงโทษอย่างไร เพราะเรื่องนี้ถือว่าความผิดได้ชัดเจนแล้ว และรายงานที่นายอำเภอพิชัยให้กรรมการสอบสวนสรุปว่า หนีราชการจริง พร้อมทั้งสั่งการไปยังนายอำเภอพิชัยแล้วว่า จะต้องทำหนังสือตักเตือนไปยังนายยิ่งใหญ่ด้วยว่า ปล่อยปะละเลยให้ข้าราชการหนีราชการได้อย่างไร เนื่องจากนายยิ่งใหญ่ไม่สามารถตั้งกรรมการสอบสวนวินัยเหมือนข้าราชการได้
“ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในส่วนของข้าราชการนั้น ปลัด ทต.ท่าสัก ถือว่าจะต้องเป็นผู้ถูกลงโทษเป็นคนแรกในฐานะผู้บังคับบัญชาข้าราชการ แต่ปล่อยให้ข้าราชการลางานไปได้ การตัดเงินเดือนสำหรับความผิดนี้ผมว่ามันยังถือว่าน้อยไป จะต้องลดขั้นเงินเดือนทุกรายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีกับข้าราชการรายอื่นๆ ส่วนการล่าช้าที่เกิดจากไม่มีใครกล้ามาเป็นกรรมการสอบสวนความผิดนั้น หาก ทต.ท่าสัก หรือนายอำเภอพิชัยตั้งกันไม่ได้ผมจะตั้งเอง โดยจะตั้งเครือข่ายวินัยที่ผ่านการอบรมมาแล้ว และหากเครือข่ายวินัยไม่เป็นกรรมการ จะตั้งกรรมการสอบไปด้วย เพราะใช้งบประมาณราชการไปอบรมแต่ไม่ทำงานก็ต้องเสนอตัดเงินค่าตอบแทนนักกฎหมายทันทีด้วยเช่นกัน” นายเสฐียรพงศ์ กล่าว
ผู้ว่าราชการ จ.อุตรดิตถ์ กล่าวอีกว่า การหนีราชการของข้าราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นั้น ผู้ว่าฯไม่สามารถจะทำอะไรได้มาก เพราะเพียงแค่กำกับดูแลเท่านั้น ส่วนผู้ที่กำกับดูแลโดยตรงคือนายก อปท.หากปล่อยปละละเลยให้ข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชาหนีราชการ ตัวผู้บริหาร อปท.ก็สมควรที่จะต้องถูกตำหนิไปด้วย เพราะจะต้องรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ ประโยชน์ของประชาชน ไม่ควรเห็นผลประโยชน์ของพรรคพวกเป็นที่ตั้ง ส่วนข้าราชการเองก็ควรตระหนักในบทบาทและหน้าที่ตัวเองให้มาก จะต้องออกไปดูแลปัญหาสอบถามความเดือดร้อนของประชาชนถึงในพื้นที่ ไม่ใช่นั่งทำงานอยู่แต่ในห้องปรับอากาศจนไม่สนใจงาน จนถูกมองว่า คนมากกว่างาน แต่ไม่มีผลงานเป็นที่น่าประจักษ์เลย