แก๊ง”ครูปรีชา”โดนอีก! ออกหมายเรียก “แผน”อ้างเห็น “ลุงจรูญ”เก็บหวย 30ล.

เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้านบาท จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ กับร.ต.ท.จรูญ วิมูล ว่า ในวันนี้คณะทำงานจะมีการประชุมเพื่อสรุปการออกหมายเรียกนายแผน ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็นร.ต.ท.จรูญก้มเก็บลอตเตอรี่ โดยการออกหมายเรียกดังกล่าวเพื่อมารับทราบข้อหาฐานร่วมกันกระทำผิดกับนายปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น จากการกระทำดังกล่าวที่ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยแม้นายแผนจะมีการเปลี่ยนคำให้การภายหลัง แต่ก็เป็นเรื่องที่จำนนต่อพยานหลักฐาน ซึ่งเราจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด

พล.ต.ท.ฐิติราช ยังกล่าวถึงการดำเนินคดีกับพล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียก นายปรีชา, นางรัตนาพร และน.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช เพื่อมาเเจ้งข้อหาฐานเกี่ยวกับการสนับสนุนในการทำคำให้การ ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับพล.ต.ต.สุทธิไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งกลุ่มบุคคลที่มีหมายเรียกดังกล่าว ทางคณะทำงานจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุน

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวต่อว่า ภายในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งคดีดังกล่าวจะมีการแยกทำเป็นอีกสำนวนคดีจากคดีหลัก ซึ่งการพิจารณามาตรา 157 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) จะพิจารณาสำนวนให้ครบถ้วนที่สุด ก่อนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาทำสำนวนส่งให้อัยการฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตต่อไป ส่วนกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกันเพื่อไม่ดำเนินคดีกับพล.ต.ต.สุทธินั้น ขอให้ประชาชนเชื่อใจ เราจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ทุกอย่างดำเนินการตามพยานหลักฐาน ตำรวจเป็นเพียงกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ตำรวจจะต้องส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้อง และศาลเท่านั้นที่มีอำนาจตัดสินความผิด

“คนทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิดไม่มีการละเว้น เรื่องนี้แม้เริ่มต้นเกิดจากความเชื่อ แต่ภายหลังผู้การจังหวัดมีการแก้ไขคำให้การ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ถือเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ และส่อไปในทางทุจริต ตรงนี้ตนพูดชัดเจน ประชาชนไม่ต้องกังวล ตนจะดูเองทุกเรื่อง ส่วนพล.ต.ต.สุทธิจะปฏิเสธหรือรับสารภาพ ตำรวจไม่ได้มีความกังวล ใครจะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิ แต่เราก็รวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนให้มากที่สุด ยิ่งปฏิเสธยิ่งดี ผลการกระทำจะบอกเองว่าใครทำผิด อย่างไรก็ตาม การส่งหมายเรียกผู้สนับสนุนในความผิดมาตรา 157 เจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ด่วนให้กับผู้ต้องหา โดยให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 มี.ค.นี้” ผบช.ก. กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการส่งเรื่องให้พล.ต.ต.สุทธิออกจากราชการหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหน่วยงานต้นสังกัด รวมถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบเรื่องวินัย เป็นผู้พิจารณา

ถามต่อว่า ตำรวจ 2 นาย ที่ถูกกันไว้เป็นพยานจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า เราจะบริหารงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการต่อสู้คดี จึงต้องดูว่ามีพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วยหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะต้องหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบ เบื้องต้นบุคคลที่สอบปากคำไปนั้น ต้องการทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ และสั่งผ่านใครมา เพื่อให้ขยายผลไปถึงระดับผู้สั่งการในการกระทำผิด