ผู้เขียน | ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
บทพิสูจน์คีย์ซักเซสธุรกิจเพลง “โรส อาร์ทิสท์ฯ” ปั้นกระแสไอดอลกรุ๊ป ปังเวอร์ แหวกแนวทางหารายได้จากธุรกิจยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น เดินหน้าสร้างพลังฐานขยายแฟนคลับจากนิชมาร์เก็ตสู่ผู้ฟังกลุ่มแมส หวังต่อยอดสู่การจัดแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ในอนาคต ขณะที่พลังโอตะดัน “บีเอ็นเค 48” ฮอตติดลมบน แบรนด์เล็ก-ใหญ่ดาหน้าแย่งขอเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าสุดคึกคัก ทั้งร้านอาหารญี่ปุ่น กล้อง รถ ส่งค่าตัวพุ่งแตะ 7 หลัก พลังโซเชียลมีเดีย และความนิยมจากฐานแฟนคลับ กลายเป็นคีย์ซักเซสหลักของธุรกิจเพลงไทยในการตีฝ่าวงล้อม
กระแสดิจิทัลดิสรัปชั่น เพื่อต่อยอดสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจ หนึ่งนั้นในคือกระแสไอดอลกรุ๊ป “บีเอ็นเค 48 (BNK 48)” กับเพลงฮิตติดหู “คุกกี้เสี่ยงทาย” พร้อมท่าเต้นใส ๆ ก็เพิ่มสีสันให้แก่ธุรกิจเพลงไทย พร้อมกับบทพิสูจน์ว่า ธุรกิจเพลงยังไม่ถึงทางตัน
เปิดเกมใหม่ “ธุรกิจเพลง”
นายจิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรส อาร์ทิสท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้เอท ออฟฟิศ จำกัด กล่าวก่อนหน้านี้กับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โมเดลดังกล่าวถูกพิสูจน์ความสำเร็จมาแล้วในตลาดเพลงญี่ปุ่น ในนาม “เอเคบี 48” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่สำคัญคือ สามารถสร้างรายได้ให้กับต้นสังกัดอย่างเป็นกอบเป็นกำ
โดยวัดจากยอดขายแผ่นซีดี และสินค้าเมอร์แชนไดส์ของศิลปิน ซึ่งบริษัท โรส อาร์ทิสท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้ร่วมทุนกับบริษัท เอเคเอส จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์และผู้บริหารไอดอลกรุ๊ปอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้เอท ออฟฟิศ จำกัด โดยโรส อาร์ทิสท์ฯถือหุ้น 51% และเอเคเอส 49% เพื่อขยายความสำเร็จของโมเดลเพลงจากญี่ปุ่นสู่ไทยและตลาดเพลงในอาเซียน
วางกลยุทธ์แน่นสร้างฐานโอตะ
“กระแสดิจิทัล โซเชี่ยลเป็นตัวส่งให้ บีเอ็นเค 48 เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทวางไว้ เพราะพฤติกรรมคนเปลี่ยนไปเสพสื่อออนไลน์มากขึ้น ทิศทางของบริษัทก็ต้องมุ่งให้ความสำคัญกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกที่สร้าง “ตู้ปลา” ขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งให้ไอดอลกรุ๊ปได้ฝึกฝนทักษะ ขณะเดียวกันก็เปิดพื้นที่ให้เหล่าแฟนคลับสามารถติดตามไอดอลกรุ๊ปได้อย่างใกล้ชิด”
ขยายฐานผู้ฟังกลุ่มแมส
ขณะที่สเต็ปที่ 2 ที่กำลังเกิดขึ้น คือ การขยายฐานแฟนคลับจากนิชมาร์เก็ตไปสู่กลุ่มแมส เพื่อให้เกิดฐานแฟนคลับหลากหลายขึ้นในทุกกลุ่มอายุ โดยวางแนวทางไว้ตั้งแต่เริ่มต้น คือ การปล่อยซิงเกิลที่ 2 ซึ่งเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น อย่าง “คุกกี้เสี่ยงทาย” เมื่อเพลงถูกปล่อยไปก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี และสร้างให้ฐานแฟนคลับกว้างขึ้น เพราะทุกคนรู้จักเพลงนี้ ตามด้วยเดินหน้าออกอีเวนต์ โรดโชว์ต่างจังหวัดมากขึ้น ทำให้คนรู้จักในวงกว้าง ตอกย้ำแบรนด์ บีเอ็นเค 48 ให้แข็งแกร่ง
“ทุกกลยุทธ์ที่วางไว้ถูกเชื่อมโยงเข้ากัน เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ สะสมฐานแฟนให้มากที่สุด และขยายฐานสู่กลุ่มแมสมาก เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่ คือ การเปิดการแสดงใหญ่ที่สนามราชมังคลาฯที่จุได้ 60,000 คน แต่จะเริ่มเมื่อไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับพลังของฐานแฟนคลับว่าจะใหญ่ขึ้นแค่ไหน”
นายณัฐพลย้ำว่า ฐานแฟนคลับที่แข็งแรงมีผลต่อธุรกิจบันเทิงอย่างมาก ซึ่งบีเอ็นเค 48 เกิดและโตมาพร้อม ๆ กับฐานแฟนคลับ ถือเป็นฐานสำคัญที่เข้ามาสนับสนุนผ่านเครื่องมือการตลาดหลาย ๆ ส่วน โดยเฉพาะการซื้อสินค้าเมอร์แชนไดส์ ซึ่งเป็นรายหลักของบริษัท คิดเป็นสัดส่วนถึง 40% รองมาคือ พรีเซ็นเตอร์ สปอนเซอร์ 40% และอีเวนต์ 20% ของรายได้รวม
สินค้ารุมแย่งพรีเซ็นเตอร์
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวต่อว่า ด้วยกระแสบีเอ็นเค 48 ที่ได้รับความนิยม ส่งผลให้มีสินค้าหลายแบรนด์ติดต่อเข้ามาเพื่อให้บีเอ็นเค 48 เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ ขณะนี้ก็เกือบครบแล้ว เช่น เอพีฮอนด้า ฟูจิฟิล์ม ยาโยอิ เป็นต้น และมีอีก 2-3 แบรนด์เตรียมลอนช์เร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยสมาชิกวงบีเอ็นเค 48 ที่มี 16 คน การเลือกพรีเซ็นเตอร์ของสินค้าแต่ละแบรนด์ บริษัทจะพิจารณาจากแคแร็กเตอร์ของสมาชิกแต่ละรายว่า เหมาะสมกับสินค้าประเภทใด ซึ่งจะกระจายงานให้สมาชิกทุก ๆ คนในวง
“สมาชิกทุกคนจะมีงานพรีเซ็นเตอร์ทุกคน หลัก ๆ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ แพ็ก 6 คน และทั้งทีม 16 คน โดยราคาค่าพรีเซ็นเตอร์ก็แตะถึง 7 หลัก มีอายุสัญญา 1 ปี หรือ 6 เดือน แล้วแต่เจ้าของแบรนด์กำหนด”
ต่อยอด “ละคร-หนัง”
นอกจากนี้ เตรียมต่อยอดการบริหารศิลปินสู่งานแสดง ทั้งละครและภาพยนตร์จะพิจารณาจากศักยภาพของสมาชิกในวงแต่ละคน ล่าสุด “เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ” จะมีผลงานภาพยนตร์คาดว่าจะเข้าฉายปลายปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทร่วมกับช่องทีวีดิจิทัลผลิตรายการร่วมกันมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทเป็นผู้ผลิตและขายโฆษณาเอง ปัจจุบันมีรายการที่ออนแอร์อยู่ 2 รายการ คือ AITAKATTA ! NIPPON ตามรอยสถานที่จริงที่ปรากฏในฉากอนิเมะต่าง ๆ กับสมาชิก BNK48 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 22.00-22.30 น. ช่องอมรินทร์ทีวี และ The Journey ช่องเอ็มคอท 30 เอชดี
ปั้น “เดอะแคมปัส” สร้างลอยัลตี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเตรียมเปิดตัว เดอะแคมปัส (The Campus) บนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ชั้น 4 เดอะมอลล์บางกะปิ คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะมีการแสดงโชว์ของบีเคเอ็น 48 ที่หมุนเวียนกันมาแสดงทุกวันเสาร์ อาทิตย์ รวม 3 รอบ ร้านอาหาร คาเฟ่ และจุดจำหน่ายสินค้าเมอร์แชนไดส์ ซึ่งเป็นอีกกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ลอยัลตี้อย่างต่อเนื่อง
“แม้บริษัทจะซื้อลิขสิทธิ์ไอดอลกรุ๊ปมาจากญี่ปุ่นแต่ก็มีการบริหารจัดการให้สอดรับกับวัฒนธรรมของแฟนคลับไทย เพื่อให้แฟนคลับไม่รู้สึกอึดอัด แต่ก็ยังคงแก่นหลักของ เอเคบี 48 ที่ญี่ปุ่นวางไว้ นั่นคือ งานจับมือ”
ถึงเวลาเฟ้นหาเจเนอเรชั่น 2
ล่าสุดบริษัทได้ปิดรับสมัคร บีเอ็นเค 48 เจเนอเรชั่น 2 ไปแล้ว โดยมีผู้สนใจเข้าสมัครถึง 10,700 คน เพิ่มจากเจเนอเรชั่นที่ 1 ที่มีผู้สนใจเข้าร่วมสมัคร 1,352 คน ขณะที่ขั้นตอนต่อไปคือคัดเลือกให้เหลือ 300 คน อยู่ระหว่างดำเนินการ
นายณัฐพลกล่าวอธิบายถึงขั้นตอนการคัดเลือกว่า ครั้งนี้จะคัดจาก 10,700 คน ให้เหลือ 300 คน แล้วจะคัดอีกครั้ง เพื่อหาเจเนอเรชั่น 2 ยกตัวอย่างเช่น เจเนอเรชั่น 1 มี 16 คน บริษัทอาจจะคัดเจเนอเรชั่นที่ 2 อีก 30 คน เข้ามารวมกับเจเนอเรชั่น 1 เท่ากับว่าจะมีทั้งหมด 56 คน โดย 1 ปีมีแผนจะออก 3-4 ซิงเกิลใหม่ ก็จะคัดเลือก 16 คน จาก 56 คน มาออกซิงเกิลที่ 1 ซิงเกิลที่ 2 ตามลำดับ ซึ่งจะพิจารณาคัดเลือกจากหลาย ๆ ด้าน ทั้งศักยภาพของศิลปิน ความสามารถ ทัศนคติ และฐานแฟนคลับของสมาชิกแต่ละคนด้วย