หมอกควันเริ่มปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่ บนจุดชมวิวดอยสุเทพมองไม่เห็นทิวทัศน์ในตัวเมือง

วันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์หมอกควันเริ่มเข้าปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่ ล่าสุดช่วงบ่ายผู้สื่อข่าวเดินทางขึ้นไปสังเกตุการณ์พบว่า จากตัวเมืองเชียงใหม่เมื่อมองไปยังด้านทิศตะวันตกของเมืองพบว่ามีหมอกควันสะสมหนาตัวขึ้นจนทำให้เห็นดอยสุเทพเลือนลางเท่านั้น ซึ่งปกติจะเป็นชัดเจนจนถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ และตัวองค์พระธาตุอย่างชัดเจนเมื่อสภาพอากาศปกติ ขณะเดียวกันเมื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวของดอยสุเทพแล้วมองลงมาด้านล่างก็พบว่าทัศนวิสัยในการมองเห็นนั้นก็ลดลงเช่นกัน โดยจะสามารถสังเกตเห็นหมอกควันสีขาวได้อย่างชัดเจน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งดัชนีวัดคุณภาพอากาศของเมืองเชียงใหม่ ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงของความผิดปกติของสภาพอากาศ นอกจากนี้ในช่วงเช้าประชาชนส่วนหนึ่งที่ต้องออกมาทำกิจกรรม โดยเฉพาะผู้ที่ขี่รถจักรยานยนต์ก็เริ่มหาหน้ากากอนามัยมาสวมใส่เพื่อป้องกันสุขภาพจากฝุ่นควันที่ปกคลุ่มในพื้นที่อย่างหนาแน่นในขณะนี้

อย่างไรก็ตามขณะที่จากการตรวจสอบรายงานสถานการณ์สภาพอากาศในขณะนี้พบว่ายังถือว่าไม่รุนแรง และอยู่ในระดับ “เฝ้าระวัง” จากข้อมูลผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่ ของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ยังไม่สูงเกินค่ามาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ที่ในวันนี้ (14 ก.พ.61) วัดค่า PM10 อยู่ในช่วง 47-101 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และพบค่าสูงสุดในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ขณะที่แนวโน้มสถานการณ์หมอกควันในเชียงใหม่ คาดการณ์ว่าวันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ 2561 ที่จะถึงนี้ สถานการณ์จะเริ่มรุนแรงขึ้น โดยแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่ควรงดการเผาทุกพื้นที่และควรเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

ที่ ห้องศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 3 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ ซึ่งจากสถานการณ์หมอกควันที่เพิ่มปริมาณและปกคลุมพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่อยู่ในขณะนี้ โดยได้วางมาตรการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ส่วนทางด้าน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เผยสภาพลักษณะอากาศของเดือนกุมภาพันธ์อยู่ในช่วงของปลายฤดูหนาว มีมวลอากาศที่ค่อนข้างหนัก หากมีฝุ่นละอองเกิดขึ้นจะทำให้ฝุ่นละอองถูกกดอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายตัว หากมีการชิงเผาให้ทำการแจ้งนายอำเภอในพื้นที่หรือผู้รับผิดชอบก่อน ในส่วนสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้จัดทำแผนที่ประเมินจุด hotspot จากการเกิดจุดความร้อนจากดาวเทียมระบบ Modis ที่ติดตั้งบนดาวเทียม Terra และ Aqua เพื่อใช้ในการวางแผนพื้นที่เฝ้าระวังไฟทั้ง 25 อำเภอ พร้อมเปิดรับแจ้งเหตุไฟไหม้ป่าตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถโทรแจ้งเหตุได้ที่ ?053-232019?

ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้เตรียมมาตรการเชิงรุก ประกอบด้วย 4 มาตรการเชิงพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ป่าไม้ พื้นที่การเกษตร พื้นที่ชุมชน/เมือง พื้นที่ริมทาง เพื่อกำหนดแนวทางและแบ่งมอบพื้นที่ในการป้องกันและควบคุมไฟป่า รวมถึง 4 มาตรการบริหารจัดการ ได้แก่ 1) มาตรการบริหารจัดการ จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดและอำเภอ 2) มาตรการสร้างความตระหนัก ประชาสัมพันธ์ชี้แจงการห้ามเผาป่า เพื่อให้ประชาชนรู้ถึงอันตรายและผลกระทบ อบรม ปลูกฝัง สร้างจิตสำนึกให้แก่นักเรียนและเยาวชน 3) มาตรการลดปริมาณเชื้อเพลิง ให้จัดทำแนวกันไฟ และควบคุมการเผา และ 4) มาตรการประชารัฐ โดยบูรณาการทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วมกับภาคราชการ กำลังทหาร และเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร และภาคเอกชน