เผยแพร่ |
---|
สีสันวันวาเลนไทน์ปีนี้ ยกให้คู่รักนักบุญ อยู่อย่างพอเพียง ที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นคู่รักระหว่าง คุณตาเพิ่ม กับ คุณยายฉ่ำ ชาวบ้านเกาะ ทั้งคู่มีอายุย่าง 90 ปี ครองรักกันมายาวนานถึง 62 ปี ภายในบ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 1 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และที่น่าประหลาดใจกันคือ ทั้งคุณตาเพิ่ม คุณยายฉ่ำ เกิดวันเสาร์เหมือนกัน เกิดเดือนกันยายนเหมือนกัน และเกิดปีพ.ศ.2472 ปีเดียวกัน ต่างกันแค่วันที่ โดยคุณตา เพิ่มเกิดวันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2472 ส่วนคุณยายฉ่ำ เกิดวันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2472 ห่างกันเพียง 7 วันเท่านั้น
คุณตาเพิ่ม เล่าว่า พบรักกับคุณยายฉ่ำได้เพราะญาติทั้งสองฝ่ายแนะนำและจับแต่งงานกัน สมัยนั้นไม่ได้ขัดใจพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นงาม ก็เลยตกลงปลงใจแต่งงานครองเรือนร่วมกันมาตั้งแต่อายุ 27 ปี แล้วก็ช่วยกันทำมาหากินด้วยอาชีพดั้งเดิมของครอบครัวคือ ทำนา กับ เย็บจาก เงินทุกบาทที่ได้มาก็ใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่าเก็บหอมรอมริบเอาไว้ใช้ยามแก่เฒ่าเพราะไม่มีลูกที่จะเป็นที่พึ่งยามเข้าสู่ไม้ใกล้ฝั่ง รู้กิน รู้ใช้ อยู่อย่างพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ครั้นพอแก่ตัวตอนอายุ 60 ปี ได้จัดพิธีทำบุญเสริมมงคลชีวิต แต่ก็มีคนมาทักว่าเราสองคนดวงชงกัน ให้หมั่นทำบุญสร้างพระใหญ่เสริมสร้างชีวิตที่ดี ซึ่งตากับยายก็ไม่ได้เชื่ออะไรมากนักเรื่องปีชง แต่เชื่อเรื่องบุญทำกรรมแต่ง หากหมั่นทำบุญ บุญกุศลก็จะหนุนนำให้เราอยู่อย่างมีความสุข ซึ่งคุณยายฉ่ำก็เห็นดีด้วย ดังนั้นจึงได้เริ่มขายแปลงนาที่มีอยู่ทั้งหมด 66 ไร่ เพื่อนำเงินที่ได้มาไปบริจาคให้กับโรงพยาบาล 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลกระทุ่มแบน และ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) นอกจากนี้ยังบริจาคเงินและที่ดินให้กับวัดหลายแห่ง และสร้างอาคารเรียนอีกด้วย จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2560
ด้านคุณยายฉ่ำ บอกถึงกุญแจของการครองคู่มายาวนานว่า ความเข้าใจกัน ไม่ขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกัน และที่สำคัญคือ การทำบุญร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณตาเพิ่ม กับ คุณยายฉ่ำ ยังได้ทำพินัยกรรมสั่งเสียไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า หากคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ก็ให้ทำการสวดศพคนละ 3 คืน จากนั้นก็ให้เก็บศพคนที่เสียชีวิตเอาไว้ รอจนกว่าอีกคนจะเสียชีวิตตาม เมื่อสวดศพคนที่สองแล้วเป็นเวลา 3 คืน ให้เป็นไปตามความเห็นชอบของผู้จัดการศพว่าสมควรจะทำพิธีเผาศพของทั้งสองตายายเมื่อไร ก็ให้ทำการเผาได้ แต่ก่อนเผาต้องสวดอีก 2 คืน และต้องเผาพร้อมกัน ที่เดียวกัน โดยใช้เมรุอยุธยา 2 หลัง ส่วนค่าทำศพทั้งหมด ตลอดจนรายจ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำศพ ตั้งแต่เริ่มต้นจนแล้วเสร็จทุกขั้นตอนรวมถึงเงินบริจาคที่จะมอบให้แก่วัดด้วยนั้น ทางคุณตาเพิ่มและคุณยายฉ่ำ ได้ทำหนังสือพินัยกรรมสั่งเสีย 1 ฉบับ ไว้เป็นที่เรียบร้อยทั้งรายละเอียดทุกขั้นตอน และสำหรับเงินที่คุณตาเพิ่ม กับ คุณยายฉ่ำ ร่วมกันตั้งใจบริจาคให้กับวัด โรงเรียนและโรงพยาบาลนั้น รวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาทล