ขบ.ส่งผู้ตรวจจับแท็กซี่นำรถหมดอายุใช้งาน-แนะผู้โดยสารสังเกตหมวดทะเบียนรถก่อนใช้

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า ได้จัดผู้ตรวจการขนส่งลงพื้นที่เข้มงวดจับกุมผู้ฝ่าฝืนนำรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนครบ 9 ปี ซึ่งครบอายุการใช้งานตามกฎหมายแล้วมารับส่งผู้โดยสาร โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานครเขตปริมณฑล เช่น รังสิต ปทุมธานี นนทบุรี เพื่อจับกุมและป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตามกฎหมายกำหนดอายุการใช้งานของรถแท็กซี่มีระยะเวลาไม่เกิน 9 ปี นับแต่วันจดทะเบียนครั้งแรก เพื่อให้สภาพรถมีความมั่นคงแข็งแรงพร้อมนำมาให้บริการประชาชนอย่างปลอดภัย แต่พบว่ามีรถแท็กซี่บางส่วนที่ครบอายุการใช้งานแล้วยังไม่ดำเนินการแจ้งระงับ หรือแจ้งเปลี่ยนประเภทรถ ซึ่งผู้ขับรถแท็กซี่ที่นำรถที่สิ้นอายุการใช้งานมาวิ่งรับส่งผู้โดยสารจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 5 (10) ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท และต้องปลดป้ายทะเทียนออกทันที และหากนำรถที่แจ้งเปลี่ยนประเภทเป็นรถส่วนบุคคลแล้วมาลักลอบรับส่งผู้โดยสารจะมีความผิดตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

นายสนิทกล่าวว่า และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิและเพิ่มความมั่นใจความปลอดภัยในการใช้บริการแท็กซี่ ขบ.แนะนำให้สังเกตรถแท็กซี่ก่อนเลือกใช้บริการ โดยสภาพตัวรถภายนอกต้องมั่นคงแข็งแรง หมวดอักษรบนแผ่นป้ายทะเบียนกรณีเป็นรถแท็กซี่นิติบุคคลที่สังกัดสหกรณ์ หรือบริษัทต่างๆ จะขึ้นต้นด้วยหมวด “ท” โดยหมวดที่ยังอยู่ในช่วงอายุการใช้งาน ประกอบด้วย ทศ, ทษ, ทส, ทห กรณีเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคลสีเขียวเหลืองขึ้นต้นด้วยหมวด “ม” โดยหมวดที่ยังอยู่ในช่วงอายุการใช้งาน ประกอบด้วย มช, มฎ, 1มก, 1มข ส่วนรถแท็กซี่หมวด ทว และหมวด มฉ จะทยอยครบอายุการใช้งานภายในปีนี้ ดังนั้น ในเบื้องต้นหากพบรถแท็กซี่หมวดทะเบียนนอกเหนือจากหมวดที่ระบุข้างต้น อาจเป็นรถแท็กซี่ที่ครบอายุการใช้งานแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการและแจ้งข้อมูลมายังกรมการขนส่งทางบก สายด่วน 1584 เพื่อติดตามตรวจสอบต่อไป

นายสนิทกล่าวว่า สำหรับเจ้าของรถแท็กซี่ที่ครบอายุการใช้งานแล้วต้องดำเนินการส่งคืนแผ่นป้ายทะเบียนและใบคู่มือจดทะเบียนรถเพื่อแจ้งระงับทะเบียน พร้อมถอดอุปกรณ์ส่วนควบของรถแท็กซี่ออก หากต้องการใช้รถเพื่อการส่วนตัว ต้องแจ้งเปลี่ยนประเภทจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เปลี่ยนสีตัวรถให้แตกต่างจากสีของแท็กซี่เดิม และห้ามนำมารับจ้างโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ สำหรับเจ้าของรถแท็กซี่ครบอายุการใช้งานแล้ว แต่ยังต้องการประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ให้บริการอย่างถูกกฎหมาย กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้รถแท็กซี่จดทะเบียนใหม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบเพื่อความปลอดภัย ตามโครงการ Taxi OK ประกอบด้วย GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ ปุ่มฉุกเฉิน กล้องบันทึกภาพในรถ และเข้าสังกัดกับศูนย์บริการสื่อสารรถยนต์รับจ้าง(แท็กซี่) ซึ่งเชื่อมต่อข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการแท็กซี่ด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก และเพิ่มทางเลือกการใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น Taxi OK บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
ส่วนรถแท็กซี่ที่ยังคงเหลืออายุการใช้งาน สามารถเข้าร่วมโครงการในภาคสมัครใจ เพียงติดตั้ง GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ เข้าเป็นสมาชิกในศูนย์บริการสื่อสารรถยนต์รับจ้าง(แท็กซี่) เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก จะได้สิทธิในการเชื่อมโยงกับระบบรับงานผ่านแอพพลิเคชั่นและจะได้รับสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์โครงการ Taxi OK สำหรับติดที่กระจกหน้ารถ ซึ่งถือเป็นการยกระดับการให้บริการรถแท็กซี่ไทยทั้งระบบ เพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับ ดูแล และควบคุมความปลอดภัยจากภาครัฐ เพิ่มศักยภาพการเข้าถึงบริการอย่างสะดวก รวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพให้ผู้ขับรถแท็กซี่ เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงผู้โดยสารได้มากยิ่งขึ้น