ตรุษจีนทำราคายางร่วง เหตุโรงงานปิด แถมตอนนี้นิยมสั่งซื้อยางคอมปาว์สกัดเคมี เลี่ยงภาษี ไม่จ่ายเซส

น.ส.อัจฉริยา จันทรวงศ์ กงสุล (ฝ่ายการเกษตร) ประจำกงสุลใหญ่ ณ นครเซียงไฮ้ เปิดเผยว่า ราคายางพาราในตลาดยางเซียงไฮ้ ประเทศจีน ราคาเริ่มนิ่งและแนวโน้มลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน หลายโรงงานเริ่มหยุด และชะลอการซื้อ-ขาย แต่สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นช่วงสั้นๆ หลังจากผ่านเทศกาลไปแล้วคาดว่าแนวโน้มของราคา ซึ่งเป็นไปได้จะดีดตัวกลับขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ยางพาราในจีน พบว่าแนวโน้มการใช้ยางธรรมชาติปรับตัวลดลง เนื่องจากการการนำเข้ายางธรรมชาติมีภาษีสูงกว่า ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนเริ่มปรับสูตรการผลิตใหม่หันไปใช้ยางสังเคราะห์มากขึ้น ซึ่งทางกงสุลฯ จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป แต่ทั้งนี้ จากภาษีการนำเข้ายางธรรมชาติที่อยู่ในอัตราที่สูงกว่า ดังกล่าว ผู้ประกอบการจีนหลายรายหันมานำเข้ายาง คอมปาวด์ หรือยางที่มีส่วนผสมของสารเคมีต่างๆ ซึ่งเก็บภาษีต่ำกว่า หลังจากนั้นผู้ประกอบการจะสกัดสารเคมีออก ยังมีต้นทุนการนำเข้าที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับการนำเข้ายางธรรมชาติโดยตรง

“กรณีไทยส่งออกยางคอมปาวด์ จะไม่ถูกจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษจากการส่งออกยางหรือเซส ดังนั้นยางคอมปาวด์จึงเป็นที่นิยมของตลาดมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลต้องพิจารณา นอกจากนี้ จีนซึ่งเป็นประเทศที่สั่งซื้อยางจำนวนมากยังให้การสนับสนุนปลูกยางในประเทศ ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐบาล แต่กรณีที่มีผู้ประกอบการเข้าไปส่งเสริมปลูกในเมียนมา ลาว และกัมพูชา เพื่อส่งกลับทางจีนตอนใต้ นั้นจะติดตามข้อมูลอีกครั้ง” น.ส.อัจฉริยา กล่าว

นายชลธิศักดิ์ ชาวปากน้ำ อัครราชฑูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการเกษตร) สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงโตเกียว กล่าวว่า ราคายางพาราในตลาดล่วงหน้าโตเกียว หรือโตคอม ปรับตัวลดลง 2-3% เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการหาสาเหตุ

รายงานจากการยางแห่งประเทศไทย แจ้งว่า ราคายางในระหว่างนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคายางแผ่นรมควันปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดล่วงหน้าโตคอม และตามความต้องการของผู้ประกอบการภายในประเทศ ราคากลางเปิดตลาด ประจำวันนี้อยู่ที่ 46.99 บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.) โดยปิดตลาดสูงสุด ณ ตลาดกลางนครศรีธรรมราช ราคาอยู่ที่ 47.11 บาทต่อก.ก. ส่วนตลาดกลางสงขลา และตลาดกลางสุราษฎร์ธานี ราคาอยู่ที่ 47.09 บาทต่อก.ก.

ทั้งนี้ ราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดล่วงหน้าโตเกียว จากการอ่อนค่าของเงินเยน และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น มาตรการ รักษาเสถียรภาพราคายางของภาครัฐ รวมทั้งนักลงทุนคลาย ความกังวลหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม พร้อมกับย้ำจุดยืนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่าง ค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคายางปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย