ผู้เขียน | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
สตง.ตรวจสอบ คืนภาษีรถคันแรก สั่งสรรพสามิต อายัดทะเบียน 4หมื่นคันห้ามโอน ชี้ทำผิดเงื่อนไข เจ้าของรถส่งเอกสารล่าช้าเกินกำหนด หากผิดจริงต้องคืนเงินคันละ 30,000-100,000 บาท อธิบดีกรมสรรพสามิตแจง บางรายขายเปลี่ยนมือก่อนครบ 5 ปี ส่วนเรื่องเอกสารมีการผ่อนปรนให้อีก 90 วัน สั่งเร่งตรวจสอบหากไม่ผิดจะรีบถอนอายัด
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งได้รับความเดือดร้อนจากโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นโครงการในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา มีเจ้าของรถหลายรายได้เดินทางไปยังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอโอนรถให้กับบุคคลอื่น เนื่องจากครอบครองรถมาเกินระยะเวลา 5 ปี ตามหลักเกณฑ์ของโครงการแล้ว แต่ปรากฏว่ากรมการขนส่งทางบกแจ้งว่าไม่สามารถโอนรถได้ เนื่องจากข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์แจ้งว่ารถคัน ดังกล่าวถูกกรมสรรพสามิตแจ้งอายัดทะเบียนระงับการโอนสิทธิ์ โดยแนะนำให้ทั้งหมดไปติดต่อสอบ ถามปัญหาที่เกิดขึ้นกับกรมสรรพสามิต
ขณะที่นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบปัญหาดังกล่าวพบว่าระบบของกรมการขนส่งไม่ได้มีปัญหา ยังใช้ได้ตามปกติ แต่ติดขัดปัญหาการโอนจากระบบของกรมสรรพ สามิต โดยขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้ประสานไปยังกรมสรรพสามิตเพื่อสอบถามสาเหตุของข้อขัดข้อง เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาชี้แจงและทำความเข้าใจต่อให้กับประชาชนที่มาติดต่อที่กรมการขนส่งฯ และเกิดปัญหา ได้รับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องตรงกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามไป ยังกรมสรรพสามิตได้รับคำชี้แจงว่า รถที่โอนไม่ได้อยู่ในข่ายกำลังถูกตรวจสอบจากสำนัก งานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ว่าทำผิดเงื่อนไขการขอรับสิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งขณะนี้ สตง.กำลังเข้ามาตรวจสอบการดำเนินการของกรมสรรพสามิต ว่ามีความไม่ชอบมาพากลหรือไม่ โดย สตง.ระบุว่าขณะนี้มีข้อสงสัยเรื่องการดำเนินการของกรมสรรพสามิตในการพิจารณาอนุมัติให้สิทธิ์รถยนต์คันแรกแก่ประชาชนจำนวนกว่า 1 แสนราย เนื่องจากตรวจสอบพบว่าประชาชนกลุ่มดังกล่าวยื่นเอกสารเพิ่มเติมให้กรมสรรพสามิตพิจารณาเกินระยะเวลาตามเงื่อนไขการขอใช้สิทธิ์ ที่กำหนดให้ยื่นเอกสารมาภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2555 อย่างไรก็ตามประชาชนที่ไม่สามารถทำธุรกรรมดังกล่าวระบุว่าในช่วงเวลานั้นเนื่อง จากกรมสรรพสามิตแจ้งขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งผู้ซื้อรถก็ส่งมอบเอกสารให้ จนนำไปสู่การแจ้งผลว่ามีการอนุมัติ และส่งมอบเช็คให้ โดยหากสตง.สรุปผล ว่าประชาชนผู้ขอใช้สิทธิ์กว่า 1 แสนรายทำ ผิดเงื่อนไข ไม่ควรได้รับสิทธิ์ รถยนต์คันแรก ดังนั้น ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบจาก สตง.จะต้องนำเงินลดภาษีมาคืนให้กรมสรรพสามิตทั้งหมด เบื้องต้นกรมสรรพสามิตคืนส่วนต่างภาษีให้ผู้ซื้อในโครงการ คันละ 30,000-100,000 บาท ทั้งนี้ โครงการรถคันแรกดังกล่าวมีรถที่ขอใช้สิทธิ์ลดหย่อนทั้งสิ้น 1,255,942 คัน คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืนให้จำนวน 91,061 ล้านบาท
ทางด้านแหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตเผยว่า ภายหลังมีข่าวออกมาทางกรมสรรพสามิตมีการนัดประชุมอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งประเมินว่าปัจจุบันมีรถที่เข้าข่ายติดปัญหาการโอนอยู่ประมาณ 4 หมื่นคัน ไม่ใช่ 1 แสนคัน สำหรับสาเหตุที่ติดปัญหาไม่สามารถ โอนได้เนื่องจากผู้ใช้สิทธิ์มีการยื่นเอกสารมาให้กรมล่าช้ากว่าที่ระเบียบกำหนดในสิ้น เดือนธ.ค.2555 จึงทำให้ สตง.มีการตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นเอกสารมาล่าช้าจะไม่ตรงกับหลักเกณฑ์การได้รับสิทธิ์รถคันแรกตามที่มีมติ ครม.หรือไม่ จึงให้มีการชะลอการโอนสิทธิ์ไว้ก่อนจนกว่าจะมีการพิจารณาตัดสินชัดเจน
ทั้งนี้ ในการประชุมคาดว่าจะหาข้อยุติปัญหาได้ภายใน 2 สัปดาห์ หรือไม่เกินกลางเดือนก.พ.นี้ โดยหลักการคือเจ้าของรถทุกรายจะต้องสามารถโอนรถที่ผ่อนชำระหมดเป็นของตนเองได้ เพราะไม่ได้มีความผิดอะไร ส่วนกรณีผู้ใช้สิทธิ์ที่ส่งเอกสารล่าช้าและได้รับเงินรถคันแรกคืนสูงสุดคันละ 1 แสนบาทไปแล้ว จะต้องคืนเงินกลับหลวงหรือไม่นั้น จะต้องมีการประชุมเร่งพิจารณากับ สตง. ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้มีการแจ้งขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งผู้ซื้อรถก็มีการส่งมอบเอกสารให้ จนนำไปสู่การแจ้งผลว่ามีการอนุมัติและส่งมอบเช็คให้แล้ว หลังจากนี้ต้องรอผลเจรจา หาก สตง.สรุปผลว่าประชาชนผู้ขอใช้สิทธิ์ทำผิดเงื่อนไข ไม่ควรได้รับสิทธิ์รถยนต์คันแรก ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบจาก สตง.จะต้องนำเงินลดภาษีมาคืนให้กรมสรรพสามิตทั้งหมด โดยหากผู้ใช้สิทธิ์จะต้องคืนเงินเฉลี่ยรายละ 1 แสนบาท จะทำให้ประชาชนจะต้องไปหาเงินมาคืนให้รัฐรวมกันมากกว่า 4,000-10,000 ล้านบาท ขณะที่จากการสอบถามไปยัง สตง.ได้รับการชี้แจงว่า ผู้ว่าการ สตง.อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จำนวนรถที่เข้าโครงการรถคันแรกและอยู่ในข่ายที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีจำนวนเล็กน้อย ไม่ได้เป็นหลักแสนคัน ตามที่เป็นกระแสข่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้นเข้าใจว่าเป็น การนำข้อมูลเก่าของโครงการมารวมหมด บางรายเป็นเรื่องกระบวนการเอกสารที่มีความล่าช้า บางรายก็ทำผิดเงื่อนไขโครงการ เช่น มีการเปลี่ยนมือเจ้าของรถก่อน หรือมีการขายก่อน 5 ปี ส่วนนี้ก็จะต้องนำเงินภาษีมาคืน แต่ส่วนที่ล่าช้าในขั้นตอนยื่นเอกสารเข้าใจว่าหลักเกณฑ์มีการผ่อนปรนให้ 90 วัน ซึ่งต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ กรมยังไม่ได้หารือกับ สตง.เพิ่มเติม เนื่องจากให้ข้อมูลไปทั้งหมดแล้ว หากกระบวนการตรวจสอบในรายใดพบว่าผิดจริงก็ต้องนำ เงินภาษีมาชำระคืนตามกฎหมาย และบางส่วนที่ไม่เข้าข่ายก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้า ไปเร่งติดตามแก้ไขปัญหาในกลุ่มที่ระงับการโอนสิทธิ์เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน