ผู้เขียน | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 30 ม.ค. นายอยู่ เสนาธรรม ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 2 นายประยูร พงศ์พันธ์ หน.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เจ้าหน้าอุทยานฯ เจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารราบที่ 7 ระยอง สนธิกำลังกว่า 100 นาย ลงพื้นที่ริมหาด แม่รำพึง ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อรื้อสิ่งปลูกสร้างริมหาด 10 จุด ที่มีการรุกล้ำพื้นที่ชายหาด สร้างเป็นเพิงเต็นท์ถาวรในการขายอาหารทะเล
ต่อมาเจ้าหน้านำกำลังพร้อมเครื่องมือเข้ารื้อถอนและตรวจยึดอุปกรณ์ภายในร้านที่บุกรุกทั้งหมด 10 ร้าน เป็นร้านค้าที่สร้างจากเต็นท์และมีการเทปูนภายในร้าน สำหรับบางร้านที่บุกรุกได้ย้ายเอาสิ่งของออกไปจากพื้นที่หมดแล้ว แต่บางแห่งยังคงปักหลักค้าขายตามปกติ อีกทั้งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กำลังเข้ามาแจ้งเพื่อรื้อถอนก็ได้มีการโต้เถียงกัน แต่สุดท้ายก็ยินยอมให้รื้อถอนออกทั้งหมด
นางระเบียบ วรธิพรพรหมมา อายุ 64 ปี หนึ่งในแม่ค้าที่ถูกรื้อถอน กล่าวว่า ตนยินยอมให้รื้อโดยไม่ขัดขวาง แต่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร จากกรณีที่ผู้ประกอบการทั้งหมด 11 ราย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 60 เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด กรณีที่มีคำสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างร้านค้าริมหาดแม่รำพึงทั้งหมดว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขออุทธรณ์คำสั่งในการรื้อถอน เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด เพราะเป็นสถานที่ทำมาหากิน และการเข้ามาค้าขายในพื้นที่ดังกล่าวเข้ามาอยู่ก่อนที่จะมีการประกาศจัดระเบียบชายหาดแม่รำพึง เมื่อปี พ.ศ.2558 จึงขอให้ทางอุทยานฯตรวจสอบ และให้ความเป็นธรรม
ด้านนายอยู่ เสนาธรรม ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่2 กล่าวว่า กรณีการบุกรุกริมหาดทั้งหมด ทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จนพบว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ สร้างความเสียหายต่อธรรมชาติบดบังทัศนียถาพโดยรวม มีการส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการที่บุกรุกรวม 10 ราย ทราบ พร้อมทั้งกำหนดให้มีการรื้อถอนด้วยตนเองตามเวลาที่กำหนด แต่ก็ยีงไม่มีการดำเนินการรื้อ ในวันนี้จึงได้มีการสนธิกำลังลงรื้อถอน เพื่อทวงคืนความสวยงามทางธรรมชาติและเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
ขณะที่นายประยูร พงศ์พันธ์ หน.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด กล่าวว่า กรณีที่มีการยื่นฟ้องศาลปกครองถือเป็นสิทธิ์ของผู้ฟ้อง ทางอุทยานฯยังไม่เคยได้รับเกี่ยวกับเอกสารการฟ้อง แต่จะมาให้อ่านในขณะเข้ารื้อคงจะไม่ถูกต้อง เพราะทางอุทยานฯถือว่ายึดหลักตามกฎหมาย การรื้อถอนกระทำตามขั้นตอน มีการแจ้งให้รื้อถอนเอง แต่ในเมื่อไม่รื้อทางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องเข้ารื้อเอง และจะมีการนำหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าของร้านที่บุกรุกทุกราย จึงขอให้เข้าใจด้วยว่าไม่เป็นการกลั่นแกล้ง แต่ยึดตามกฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมสูงสุด
สำหรับการบุกรุกพื้นที่สร้างเป็นเต็นท์ร้านค้า มีการเปลี่ยนมือกันไป โดยการขายสิทธิ์ จนทำให้ผู้ที่เพิ่งมาซื้อสิทธิ์ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากมีการซื้อขายกันในราคานับแสนบาท เป็นที่ทราบกันดี
ที่มา ข่าวสดออนไลน์