นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งปลีกไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลหามาตรการช่วยลดต้นทุนร้านค้ารายย่อย โดยเฉพาะร้านค้ารายย่อยและร้านอาหารริมที่ตั้งตามบริเวณฟุตปาธ เช่น การเจรจาในการหาพื้นที่เช่าในราคาถูก หรือ แก้ปัญหาการเก็บส่วยของผู้มีอิทธิพลในบางพื้นที่ จนส่งผลกระทบต่อร้านค้าที่ทำมาหากิน เนื่องจากต้นทุนที่สูงทำให้ผู้ค้ารายย่อยต้องประสบปัญหาความเดือดร้อน ยิ่งในภาวะปัจจุบันที่กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการในการดูแลราคาสินค้าทั่วไป รวมถึง ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชน

“ร้านค้าที่ขายตามริมถนน หรือตามฟุตปาธนั้น บางรายยังมีการจ่ายส่วยกันอยู่จึงเป็นต้นทุน ดังนั้นอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลืออย่างเข้มงวด ประกอบกับมาตรการกำหนดราคาอาหารห้ามเกินกี่บาทนั้น ส่วนใหญ่ก็จะกระทบต่อร้านค้ารายย่อยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวกระเพรา หรืออาหารตามสั่ง ซึ่งตรงกันข้ามร้านค้าต่างชาติที่เป็นแบรนด์ดังๆ ขายข้าวกระเพราจานละกว่า 100 บาท แต่ภาครัฐไม่สามารถทำดำเนินการได้ ต่างจากรายย่อยที่ขาย 70-80 บาทต่อจานกลับถูกร้องเรียนว่าขายแพงทั้งๆ ที่คุณภาพอาหารไม่ต่างกัน”

อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลปล่อยให้ไปตามกลไกตลาด ไม่ควรเข้าไปคุมราคาสินค้าที่มีวัตถุดิบดีๆ เพราะหากจะให้ข้าวราดแกงหรืออาหารตามสั่งจานละ 25-35 บาท ก็จะทำให้ร้านค้ารายเล็กไม่กล้าใช้วัตถุดิบดีๆ ในการทำอาหาร สุดท้ายร้านอาหารรายใหญ่ๆ และร้านต่างชาติก็จะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นรัฐต้องเข้าไปส่งเสริมการสร้างแบรนด์ร้านเล็กๆ ด้วยเพื่อที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าคนไทย

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการจูงใจการจัดตั้งบริษัทใหม่หรือขึ้นทะเบียนนิติบุคคลของบริษัทเหมือนกับมาตรการบีโอไอในโครงการต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษี 10 ปี หรือการหักลดหย่อนภาษีต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจเข้ามาอยู่ในระบบ แม้ว่ากลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี แต่ผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนมากวิตกกับการเข้าไปอยู่ในระดับและการเสียภาษี ซึ่งตรงนี้ต้องสร้างความเข้าใจแก่ธุรกิจกันต่อไป

“ยอมรับว่าผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากยังกลัวกับเรื่องระบบภาษี และจำนวนมากไม่กล้าเข้าไปอยู่ในระดับ ดังนั้นอยากให้ภาครัฐเร่งทำความเข้าใจ เพราะธุรกิจกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีรายได้ไม่ถึงไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว เห็นได้จากร้านธงฟ้าประชารัฐสำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดิมที่ร้านโชห่วยจำนวนมากไม่กล้าเข้าโครงการเพราะกลัวระบบภาษี แต่ตอนนี้มีร้านจำนวนมากสนใจอยากร่วมเพราะแต่ละเดือนมียอดขายจำนวนมาก”