‘กฤษฎา’ ลั่น ปี’70 เกษตรกรไทยไม่ยากจน ฝาก 4 กฎเหล็กหวังพลิกโฉมการทำงานกระทรวงเกษตรฯ

นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ร่วมประชุมสัมมนาการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในระดับพื้นที่สู่การปฏิบัติ ร่วมกับ นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรฯ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรฯ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งหมด พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ภาคเอกชน ภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ จ.อุบลราชธานี เพื่อชี้แจงนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯ แก่ผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ และเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ

นายกฤษฎา กล่าวว่า วันนี้เรามาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญของภาคเกษตรและของประเทศไทย หากเราต้องการผลลัพธ์ใหม่ ทีมกระทรวงเกษตรฯ ต้องทำร่วมกันทำสิ่งใหม่ ปรับวิธีคิด วิธีทำงานกันใหม่อย่างไร้รอยต่อ แบ่งเป็น 4 สิ่งที่ต้องทำ คือ 1. ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิด 2. ต้องรู้ลึก รู้จริง ทำได้จริง ลงพื้นที่จริง ให้ได้มากกว่าเกษตรกรหรืออย่างน้อยต้องรู้เท่าทันเกษตรกร 3. ทุ่มเทและมุ่งมั่นในการทำงาน เพื่อสู่เป้าหมายความสำเร็จเดียวกัน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย และ 4. เห็นแก่ประโยชน์ของเกษตรกรและประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ต้องกล้ายืนหยัดในความถูกต้อง ต่อสู้เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรและประเทศชาติ

ภายใต้ 5 เป้าหมาย คือ 1. เกษตรกรไทยจะต้องหลุดพ้นจากความยากจน โดยจะมีรายได้มากกว่าในปัจจุบันอย่างน้อย 1 เท่าตัวภายในปี 2565 และภายในปี 2570 ครอบครัวเกษตรกรไทยในบัญชีคนยากจนจะหมดไป 2. ระบบสหกรณ์และวิสาหกิจการเกษตรต้องเข้มแข็ง สามารถปกป้องเกษตรกรไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ และเกษตรกรไทยจะเข้าสู่ระบบสหกรณ์ทุกครัวเรือน 3. เกิดสังคมและชุมชนเกษตรกรไทยแบบพออยู่พอเพียงอย่างทั่วถึง 4. ประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย 100% ภายในปี 2565 และผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ 60% ภายในปี 2570 และ 5. ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ต้องเป็นเพื่อนร่วมคิดเป็นที่พึ่งของเกษตรกร

ปัจจุบันไทยผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรอันดับต้นของโลก GDP ภาคเกษตรประมาณ 6 แสนล้านบาท คิดเป็น 6% ของ GDP รวม เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยังยากจน หรือประมาณ 5.1 ล้านคน จากประชากรภาคเกษตร 23.59 ล้านคน และลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย 3.9 ล้านคน ซึ่งมีปัญหาหนี้สิน ขาดทุนไม่รู้ระบบการตลาด โครงสร้างตลาดสินค้าเกษตรและตลาดปัจจัยการผลิตถูกควบคุมโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ ระบบสหกรณ์ยังไม่เข้มแข็งพอ จำนวนมากขาดความเป็นมืออาชีพแต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเกษตร เอาชนะข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ ดิน ฟ้า อากาศ เราควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกได้ ประกอบกับเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรแทนกำลังแรงงาน เทคโนโลยีชีวภาพ พัฒนาพันธุ์พืชที่มีลักษณะพิเศษเหนือธรรมชาติปกติ เทคโนโลยีดิจิตอลทำให้เกษตรกรเชื่อมโยงกับตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการประชุมสัมมนา“การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรฯ ในระดับพื้นที่สู่การปฏิบัติ” กระทรวงเกษตรฯ กำหนดจัดการประชุมจำนวน 5 ครั้ง ในระหว่างเดือน ม.ค.-ก.พ. 2561 ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 24 ม.ค. 2561 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จ.ขอนแก่น ในวันที่ 29 ม.ค. 2561 ภาคกลางและภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ในวันที่ 9 ก.พ. 2561 ภาคเหนือ จ.พิษณุโลก ในวันที่ 21 ก.พ. 2561 ภาคใต้และชายแดนใต้ จ.สงขลา ในวันที่ 23 ก.พ. 2561

 

ทีี่มา ข่าวสดออนไลน์