เผยแพร่ |
---|
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบัน (23 ม.ค. 2561) มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกัน 60,361 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 79 ของความจุเก็บกักรวมกัน โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้ 36,440 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2560 จำนวน 9,050 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 19,073 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 77 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวม 12,377 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 68 ของปริมาณน้ำใช้การได้
กรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำและเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2560/61 โดยใช้น้ำต้นทุนจาก 4 เขื่อนหลัก รวมกันทั้งสิ้น 14,187 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้ง (1 พ.ย. 2560 – 30 เม.ย. 2560) จำนวน 7,700 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำ สำหรับอุปโภคบริโภค 1,140 ล้าน ลบ.ม., รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 1,450 ล้าน ลบ.ม. และการเกษตร 5,110 ล้าน ลบ.ม. ส่วนที่เหลืออีก 6,487 ล้าน ลบ.ม. จะสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนเดือนพ.ค. – ก.ค. 2561
ผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งลุ่มน้ำเจ้าพระยาปี 2560/61 ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2560 – 23 ม.ค. 2561 ได้มีการระบายน้ำ ตามแผนฯไปแล้วจำนวน 3,138 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 41 ของแผนจัดสรรน้ำฯ และเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ โดยปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ได้ถูกส่งเข้าระบบชลประทาน ทั้งฝั่งตะวันอกและฝั่งตะวันตก เพื่อให้เกษตรกรได้ทำการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งตามแผนที่วางไว้อย่างทั่วถึง ในขณะที่การระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ยังคงมีอยู่ในอัตรา 90 ลบ.ม.ต่อวินาที (ปี 2560 มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพียง 70 ลบ.ม.ต่อวินาที) เพื่อรักษาระบบนิเวศด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจนถึงปากอ่าวไทย และควบคุมค่าความเค็มที่สถานีสูบน้ำสำแลไม่ให้เกินเกณฑ์เฝ้าระวังที่กำหนดไว้ 0.25 กรัมต่อลิตร ปัจจุบัน (23 ม.ค. 2561) วัดค่าความเค็มได้ 0.18 กรัมต่อลิตร ไม่มีผลต่อน้ำดิบที่การประปานครหลวงใช้ในการผลิตประปาได้ตามปกติ ส่วนการส่งน้ำเพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตชลประทาน กรมชลประทานยังสามารถสนับสนุนได้อย่างเพียงพอ ไม่เกิดความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้วางแผนจัดสรรน้ำจากอ่างเก็บน้ำต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำอื่นๆ โดยให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนการใช้น้ำ ซึ่งเพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้น้ำในเขตชลประทานได้อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ให้ร่วมแรงร่วมใจกันใช้น้ำให้เป็นไปตามแผนฯที่ได้วางไว้ พร้อมทั้งขอให้ใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในอนาคตข้างหน้าอย่างไม่ขาดแคลนด้วย