ผู้เขียน | ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อกล่าวถึง “ดีไซเนอร์” ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นไทย คงต้องมีชื่อของ “หมู อาซาว่า” หรือ “พลพัฒน์ อัศวประภา” ติดโผลำดับต้น ๆ เป็นแน่แท้ ความไม่ธรรมดากับ energy ล้นเหลือของหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ผู้บุกเบิกแบรนด์ชั้นแนวหน้าของประเทศอย่าง “อาซาว่า กรุ๊ป” (Asava Group) ผ่านเส้นทางบนวงการดีไซน์ที่กำลังจะครบรอบ 10 ปีในปีนี้ ได้พิสูจน์ตัวตนให้เห็นว่ากว่าจะมาถึงจุด “ตัวท็อป” นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย
10 ปี กับแบรนด์ธุรกิจในเครือถึง 4 แบรนด์ การทำงานไม่หยุดนิ่งของ “หมู อาซาว่า” นำอาณาจักรอาซาว่า กรุ๊ป แตกไลน์ธุรกิจออกมาอีก 3 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์เสื้อผ้า “เอเอสวี” (Asv) และยูนิฟอร์ม บาย อาซาว่า (Uniform by Asava) รวมถึงการ “ฉีกแนว” มาทำร้านอาหารอย่าง “ซาว่า ไดนิ่ง” (Sava Dining)
“ตอนเปิดร้านอาหารใหม่ ๆ ผมเข้าโรงพยาบาลทั้งหมด 4 ครั้ง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ น้ำหนักลดฮวบ 13 กิโลกรัม เปิดใหม่เครียดมาก คิดตลอดว่าคนจะติดใจอาหารเราไหมนะ จะมีคนมาเยอะไหม อะไรหลายอย่างไม่ลงตัว คิดเยอะจนกินข้าวไม่ได้เลย ฝันเป็นอาหาร สุดท้ายผมวูบเลย ต้องนอนโรงพยาบาล แต่พอกลับมาทำก็เป็นอีก”
ดีไซเนอร์หนุ่มเล่าย้อนให้ฟังถึงประสบการณ์การทำร้านอาหารครั้งแรกในชีวิต ที่ดูเหมือนจะเป็นธุรกิจที่ท้าทายที่สุด
“การทำร้านอาหาร…เหมือนเราต้องทำแฟชั่นโชว์ทุกวัน” เขาเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนกับความเหนื่อยหนัก แต่ก็มีความสนุกไม่แพ้กัน
“ผมชอบทำงานมาก ไฮเปอร์มาก ไม่เคยรังเกียจงานเลยมาทำตรงนี้รู้เลยว่าร้านอาหารเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในทุกอย่างที่เคยทำมาตลอดชีวิต รายละเอียดเยอะ เหมือนจัดแฟชั่นโชว์ทุกวัน ทุกอย่างต้องเป๊ะ สดใหม่ ได้ดั่งใจ.. คนไทยชอบพูดว่าถ้าเกลียดใครให้แนะนำให้เปิดร้านอาหาร ก็อาจจะจริงนะ (หัวเราะ) แต่ผมชอบนะ ไม่เสียใจเลย สนุกมาก และจะเปิดสาขาที่ 2-3-4 ต่อไปแน่นอน”
สำหรับคอนเซ็ปต์การสร้างสรรค์เมนูของ “ซาว่า ไดนิ่ง” พลพัฒน์บอกว่า เขาเป็นคนคิดเองทั้งหมด พร้อมมีทีมงานคอยช่วยเหลือ จากความที่เป็นคนชื่นชอบในการลิ้มรสอาหาร ทำให้มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขายดีบ้างไม่ดีบ้างต้องสู้กันไป โดยเมนูใหม่ประจำปี 2018 ได้แก่ ซี่โครงแกะย่างซอสคั่วกลิ้ง, ก๋วยเตี๋ยวคั่วหนังไก่ทอด, ข้าวหน้าไข่ข้นหมูคุโรบุตะกิมจิซอสชีส, เส้นใหญ่ผัดคั่วกลิ้งหมูคุโรบุตะและสปาเกตตีผัดปลาเค็ม
“ปีนี้เราจะมาในแนวย้อนยุค คือเป็นอาหารในอดีต เหมือนร้านอาหารไหหลำที่เคยได้กินสมัยเด็ก ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เราจะคิดเมนูอาหารที่เอามาจากความหลัง ใส่ความเป็นเอเชียไปนิดหน่อย ชูจุดเด็ดเป็นอาหารในอดีต ของที่เรากินตอนเด็ก แล้วนำมาปรับใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย ใส่ story เข้าไปด้วย”
ด้านกระแสตอบรับของ “ซาว่า ไดนิ่ง” ตอนนี้อยู่ในระดับน่าพอใจ มีคนรู้จักมากขึ้นและเริ่มมีลูกค้าประจำ ซึ่งต่อไปก็จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
“การขยายสาขา 2 ในปีนี้ผมยังไม่คิดว่าจะทำได้ เพราะเปิดร้านอาหารร้านหนึ่ง เอาชีวิตเราไป 1 ใน 3 แต่ก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดสาขา 2 ได้ในปี 2019 ขึ้นอยู่กับว่าถ้าเจอทำเลดีมาก ก็ต้องช้อนไว้ก่อน ส่วนปีนี้กิจกรรมของแบรนด์อาซาว่า ถูกวางแผนไว้หมดทั้งปีเเล้ว ถ้าจะให้เปิดร้านอาหารอีก… “ผมตายแน่ ๆ”
เเละเมื่อถามถึงความพิเศษของวาระการครบรอบ 10 ปี แบรนด์อาซาว่า กับคอลเล็กชั่นใหม่ที่ไม่ธรรมดาในปีนี้
เขาตอบว่า แบรนด์เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 8 เดือน 8 ปี 2008 ถึงเวลาต้องเปลี่ยนเพื่อสร้างสิ่งใหม่และนำแฟชั่นไทยสู่ระดับโลก พร้อมตีตลาดใหม่ที่ไม่จำกัด เจาะให้ถึงคนทั่วไป ตั้งแต่ระดับชาวบ้านไปจนถึงไฮเอนด์ เพราะที่ผ่านมาแฟชั่นยังอยู่ในวงของคนเฉพาะกลุ่ม แต่พอมองภาพรวมให้ดีแล้ว จะเห็นว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันเกี่ยวโยงกับชีวิตคนในทุกด้าน งานความคิดสร้างสรรค์ที่ร่วมมือกับคนทุกภาคส่วน ร่วมมือกับชุมชนมากว่า 10 ปี ถึงเวลาแล้วที่ต้องพัฒนาให้เป็นแฟชั่นที่ได้รับการยอมรับเเละรู้จักในวงกว้าง
“คอลเล็กชั่นใหม่ปีนี้ รับรองว่าไม่ธรรมดาแน่นอน เราจะพูดถึงความเป็นไทยเยอะขึ้น เหมือนเราใช้ผ้าไทยมาเป็น 10 ปีตั้งแต่คอลเล็กชั่นแรก แต่ไม่ได้ประกาศบอก เพราะไม่ได้อยากให้คนมาจับเสื้อแล้วพูดว่าที่ซื้อไปเพราะเป็นผ้าไหมไทยนะ
เราอยากให้คนมาจับเสื้อเพราะสวย โดนใจ โดยประเด็นที่สำคัญกว่าคือ ทำอย่างไรให้ความเป็นไทยมันเข้าไปอยู่ในชีวิตคนได้ โดยไม่รู้สึกว่าเป็นงานที่ต้องใส่เฉพาะ เหมือนความคิดที่ว่าต้องใส่ผ้าไหมไทยไปงานหมั้นตอนเช้า แต่เราอยากให้พวกเขาเข้ามาดูเสื้อแล้วนำไปใส่ งานไหนก็ได้”
ดีไซเนอร์ชื่อดังบอกอีกว่า ความร่วมสมัยของความเป็นไทย ไม่ต้องไปบังคับ แต่ให้เข้าไปอยู่ในชีวิตคนโดยที่พวกเขาไม่รู้สึก ทำให้พวกเขาภูมิใจที่ได้ใส่ ไม่ใช่ต้องใส่เพราะถูกรณรงค์ให้ใส่ มันดูฝืนตัวเองมากเกินไป นี่คือสิ่งที่ “อาซาว่า” จะนำเสนอในปี 2018 คือสิ่งของที่คุณหยิบใช้ในชีวิตประจำวันนี่แหละ มีคุณค่าความเป็นไทยแฝงอยู่ โดยแบรนด์เองไม่ได้พูด คนใส่เองไม่ได้คิด ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรมชาติ
“แฟชั่นไทยถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะถ้าเราไม่ทำตอนนี้…มันก็ใกล้จะพินาศแล้ว ชาติอื่นเขาไปไกลมาก พร้อมโค่นเราเสมอ จึงเป็นที่มาของโปรเจ็กต์ปลุกแฟชั่นไทย ซึ่งเราเสนอไปแล้ว จากการเตรียมงานมาเป็นปี โดยร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนและไฟเขียวแล้ว”
ต่อด้วยคำถามที่ว่า หลังความดังเป็นพลุแตก มีคนรู้จักมากขึ้นในฐานะเมนเทอร์รายการ The Face Man มีแนวคิดออกโปรเจ็กต์พิเศษที่เจาะลูกค้าตลาดแมสบ้างหรือไม่ “หมู อาซาว่า” เผยว่า มีแน่นอน แต่ต้องติดตาม อาจจะเป็นสินค้าเล็ก ๆ แตกยอดออกมาจากสินค้าในแบรนด์ เข้าถึงง่ายทั้งราคาและดีไซน์ เป็นของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
มาถึงเรื่องราวที่หลายคนสงสัย หลังผ่านพ้นไปกับพายุดราม่า ประเด็นชุดราตรีที่สาว มารีญา พูลเลิศลาภ สวมใส่บนเวทีประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2017 จนทำให้ดีไซเนอร์แบรนด์ดังต้องออกมาประกาศจะเลิกทำชุดนางงาม ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งโลกออนไลน์
“ผมยังไม่เหนื่อยนะ ปีนี้คุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์) ก็บอกว่าอยากให้ทำ แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดกัน เพราะปีนี้ครบรอบ 10 ปีของอาซาว่า ต้องเตรียมงานเยอะมาก เราอยากทำให้ออกมาไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน”
แล้วถ้าไม่เหนื่อยงาน…แต่เหนื่อยใจแทนหรือเปล่า ?
“ชินแล้ว ไม่เหนื่อยหรอก ยิ่งด่ายิ่งดัง…ผมชอบ เราไม่ได้เสพข่าวเนกาทีฟ (ด้านลบ) อยู่แล้ว ดีเสียอีกปีที่แล้วเป็นปีที่คนรู้จักเยอะที่สุด โซนอเมริกาใต้ก็เชิญเราไปงานแฟชั่น อยากให้เราเอาชุดนางงามไปโชว์ที่บราซิล อาร์เจนตินา เขาบอกว่าชอบชุดนางงามจากเมืองไทยมาก 3 ปีติดแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเวลาไป เราไปไม่ไหว งานมันยุ่งจริง ๆ”
งานเยอะ คิวยาวขนาดนี้ แถมยังขึ้นชื่อเป็น “คนบ้างาน” ดีไซเนอร์หนุ่มแอบบอกเทคนิคดูแลสุขภาพให้ดูดีฟิตเปรี๊ยะ ด้วยการจัดไลฟ์สไตล์ให้ลงตัวว่า ต้องคอยเตือนตัวเองตลอดว่าต้องดูแลสุขภาพ พยายามเข้ายิมให้บ่อยที่สุด ไม่ได้กำหนดเวลาเป๊ะ แต่ให้คิดว่าว่างตอนไหนให้ไปเลย โดยส่วนตัวเป็นคนชอบออกกำลังกายนาน ไปแต่ละครั้งก็อย่างต่ำ 2 ชั่วโมง บางสัปดาห์ไปติดกัน 7 วันรวด และหายไปหลายวันเพราะงานเยอะ ก็ต้องปล่อยไป อย่าไปฟิกซ์มากเกินไป คุมอาหารก็คุมบ้างไม่คุมบ้าง ติดนิสัยชอบกินของมันของทอด รู้ว่าไม่ดีแต่ชอบกิน บางทีก็ต้องบอกให้ตัวเองลดบ้าง
“ช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา เป็นปีที่ผมสบายสุดในรอบหลายปี คือนอนอยู่บ้านเฉย ๆ นั่งดูซีรีส์ออนไลน์ กินขนมไปด้วย กิน ๆ นอน ๆ ใช้ชีวิตแบบช้า ๆ ก็เป็นการเติมพลังให้ตัวเอง แล้วก็ค่อยกลับมาเป็นบ้ากับงานต่อ
โดยปีนี้จะมีเรื่องราวทยอยปล่อยออกมาแต่ละเดือน จนกว่าถึงวันครบรอบ 10 ปี อาซาว่า ขอให้ติดตาม รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน”