ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 22 มกราคม นายกฤช เหลือลมัย คอลัมนิสต์ด้านอาหาร กล่าวถึงกรณีที่ในโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาขายข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาวจานละ 150 บาทของร้านอาหารย่านประตูน้ำว่า ราคาขายควรขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยคือ วัตถุดิบ และลักษณะการจัดจาน ถ้าใช้วัตถุดิบชั้นดี เช่น เนื้ออย่างดี เนื้อจากต่างประเทศซึ่งราคาแพง สามารถเพิ่มราคาขึ้นไปได้มากกว่า 150 บาทแน่นอน แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เนื้อชั้นดีเสมอไป เพราะตนก็ใช้เนื้อเขียงมาผัด ที่ผ่านมาจะบอกพ่อค้าว่าซื้อเนื้อนุ่มๆ ราคากิโลกรัมละ 200 กว่าบาทเท่านั้น ส่วนลักษณะของการจัดจานก็ขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน เช่น อัดข้าวเข้าไปในถ้วยกลมแล้วโปะข้าวลงจาน ประดับแครอทนิดหน่อย จะสามารถขายราคาแพงได้ แม้ส่วนตัวรู้สึกว่าข้าวที่ตักมาวางในจานเฉยๆ จะน่ากินมากกว่าก็ตาม แต่ผู้บริโภคควรร้องเรียนหรือแจ้งให้ทราบเลยว่าไม่ชอบกินข้าวหน้าตาแบบนั้นแบบนี้ อาจเป็นมาตรการหนึ่งที่ตอบโต้การขายแพงได้ว่าการตกแต่งจานไม่ได้ทำให้อาหารอร่อยขึ้น พร้อมอธิบายว่ากะเพราเป็นสินค้าการเกษตรที่มีราคาผกผันกับคุณภาพ กะเพราที่คุณภาพดีและราคาถูกสามารถหาซื้อได้ตามตลาดสดมากกว่าในห้างสรรพสินค้า
“เรื่องการสมราคาเป็นสิ่งที่น่าพูดถึง หาก 150 บาท แต่ใช้กะเพราไม่มีคุณภาพ ก็ยิ่งน่าประท้วงว่ามันแย่มาก เพราะกะเพรามีเกรดของมัน มีเกรดที่ฉุน มีความเผ็ดร้อน มีใบขนาดเล็ก ถ้าซื้อกะเพราห้างที่ปลูกจากสวนที่ฉีดยาเยอะ ให้ปุ๋ยเยอะ จะใบใหญ่มากและราคาแพง อาจทำให้ราคาข้าวกะเพราแพงตามไปด้วย แต่หากไปเดินตามตลาดสดและรู้จักเลือก จะมีกะเพราป่าที่ชาวบ้านเอามาขาย กำใหญ่มาก ใบเล็กมากกำละ 5 บาท ผมกล้าพูดได้ว่าไม่มีทางได้กะเพราที่ดีจากการซื้อในห้าง เพราะจะเป็นแพคก้านยาวๆ ใบโตๆ ไม่มีกลิ่นเลย อาจเป็นของอินทรีย์ ออแกนิคก็จริง แต่เรากำลังพูดถึงเรื่องรสชาติ ความปลอดภัยจากสารเคมีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง กะเพราะที่มีกลิ่นฉุนๆ ดีๆ จะมีหน้าตาอีกแบบ แทบจะพบได้ในตลาดสดเท่านั้น” นายกฤชกล่าว
ส่วนกรณีที่กรมการค้าภายในระบุกำไรของข้าวกะเพรา 1 จานในปัจจุบันว่าอยู่ที่ 11.45 บาทต่อจาน นายกฤชกล่าวว่า ตนไม่เคยคำนวณว่าข้าวกะเพรา 1 จานมีต้นทุนกำไรเท่าไหร่ แต่เห็นว่ากำไรที่ได้อาจต้องประเมินกับความยากง่ายในการเตรียมวัตถุดิบด้วย ถ้าหาวัสดุมาอย่างง่ายๆ กะเพราที่มีคุณภาพไม่สูงนัก 11.45 บาทก็ถือว่ากำไร แต่หากต้องใช้เวลา ใช้แรงงาน ดั้นด้นหากะเพรามาจากพื้นที่ต่างๆ เมื่อได้มาแล้วก็ต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อให้ข้าวกะเพราแต่ละจานมีความอร่อย กำไร 10 กว่าบาทก็ถือว่าอัตคัด
ส่วนที่ร้านอาหารไทยมีการกำหนดราคาขายอาหารที่ต่างกันสำหรับคนไทยและชาวต่างชาตินั้น นายกฤชเห็นว่า หากต้องการรักษาภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวและทำให้คนต่างชาติพูดถึงประเทศไทยในแง่บวก อาหารที่ขายแพงก็ต้องทำจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี
“ผมคิดว่ามีคนยอมจ่ายถ้าเป็นของดี แบบกินแล้วกรี๊ด อย่างไรก็ดี มีคนอีกมากที่ไม่ได้ต้องการขนาดนั้น ผู้บริโภคมีความต้องการหลายระดับ แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่าถ้าเราเป็นคนอยากกินกะเพราดีๆ แต่ทั้งบ้านทั้งเมืองนี้ไม่มีเลย มันก็คงหงุดหงิด มันควรต้องมีบ้าง” นายกฤชกล่าว