ผู้เขียน | ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ไม่ใช่เพียงแค่หญิงสาวสามัญชนธรรมดาในการ์ตูน 2D หรือ 3D จากวอลต์ ดิสนีย์เท่านั้น ที่ได้แต่งงานกับเจ้าชายและกลายเป็นเจ้าหญิงแสนสวยอาศัยอยู่ในปราสาทตระการตาที่มีหอคอยสูงลิบฟ้า แต่ในชีวิตจริง มีผู้หญิงสามัญชนจำนวนมากที่ลงเอยกับเจ้าชาย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์สูงศักดิ์ บางคนอาจลงเอยดั่งเทพนิยาย แต่บางคนก็พบว่าชีวิตของเจ้าหญิงไม่ได้ง่ายอย่างที่ฝันเอาไว้…
เจ้าหญิงมาซาโกะ
เจ้าหญิงมาซาโกะ หรือพระนามเดิม “มาซาโกะ โอวะดะ” มกุฎราชกุมารีแห่งญี่ปุ่น ก่อนที่พระองค์จะเข้ามาเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น พระองค์ทรงเป็นหญิงสาวที่สง่างาม และรอบรู้
เจ้าหญิงทรงจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นธิดาข้าราชการชั้นสูงของญี่ปุ่น พระองค์สามารถรับสั่งได้หลายภาษา ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซีย และสเปน
ในปี 1986 พระองค์ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานต้อนรับเจ้าฟ้าหญิงเอเลน่าแห่งสเปน ณ พระราชวังอิมพีเรียล ซึ่งในงานนี้ได้มีการเชิญ
คุณหนูจากตระกูลผู้ดี 36 คน สำนักราชวังได้ถือเป็นฤกษ์ในการหาคู่ครองให้ เจ้าชายนารุฮิโตะ นั่นคือการพบกันครั้งแรกของทั้ง 2 พระองค์ เป็นเรื่องราวที่คล้ายกับเทพนิยายซินเดอเรลล่าที่ได้พบเจ้าชายในงานเลี้ยงเต้นรำ
ก่อนการอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายนารุฮิโตะ พระองค์เคยปฏิเสธคำขอแต่งงานไปครั้งหนึ่ง เพราะทรงทราบดีถึงความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นในรั้ววัง และตัดปัญหาด้วยการหนีไปเรียนต่อถึง 2 ปี อย่างไรก็ตามก็ยอมแพ้ให้กับใจรักที่ตั้งมั่นของเจ้าฟ้าชายที่รอคอยพระองค์กลับมาจากเรียนต่อ พระองค์ทรงตอบตกลงหลังจากเจ้าฟ้าชายนารุฮิโตะขอแต่งงานอีกถึง 2 ครั้ง เจ้าหญิงมาซาโกะทรงตัดสินใจหันหลังให้เส้นทางทางการทูตที่พระองค์ใฝ่ฝัน และเข้ามาเป็นเจ้าหญิงของพสกนิกรอย่างเต็มตัว
จากนั้น ชีวิตภายหลังการอภิเษกสมรสก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เจ้าหญิงถูกตั้งความหวังไว้มากว่าความหัวสมัยใหม่ของพระองค์จะเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ให้มีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น นอกจากนี้ พระองค์ประชวรเจ็บป่วยทางจิตใจจากที่สังคมกดดันเรื่องการประสูติรัชทายาท แม้ว่าในปี 2001 พระองค์ทรงมีประสูติกาล เจ้าหญิงไอโกะ แต่ก็ยังคงมีความกดดันให้มีการประสูติพระโอรสเพื่อสืบรัชทายาท
ความเจ็บป่วยทางจิตใจและภาวะซึมเศร้า ส่งผลให้พระองค์ประทับอยู่แต่ในวังเพื่อรักษาตัวนับตั้งแต่ปี 2012 โดยเสด็จออกสู่สาธารณชนเฉพาะในพิธีการสำคัญของราชวงศ์เท่านั้น
เจตซุน เพมา
สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก แห่งภูฏาน สตรีผู้สวยทั้งใบหน้าและกิริยามารยาทที่สะกดสายตา ครอบครัวของพระองค์สนิทสนมกับราชวงศ์ภูฏาน ครั้งหนึ่งเมื่อราชินีเจตซุนมีพระชนมายุ 7 ปี ได้มีโอกาสออกไปปิกนิกร่วมกับราชวงศ์ พระองค์ได้พบกับ สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ในวัย 17 ชันษา กษัตริย์จิกมีในเวลานั้นได้ตรัสเชิงล้อเล่นว่า “ถ้าเธอโตขึ้นแล้วยังโสด และฉันเองยังโสดเช่นกัน ถึงเวลานั้นจะแต่งงานกัน”
การอภิเษกสมรสเกิดขึ้นในวันที่ 13 ตุลาคม 2011 เมื่อราชินีเจตซุนมีพระชนมายุ 21 ปี ขณะที่พระองค์เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยรีเจนต์คอลเลจ ณ กรุงลอนดอน และแม้ว่าภูฏานจะมีประเพณีมีหลายภรรยา แต่กษัตริย์จิกมีได้ตรัสหนักแน่นว่าจะมีแค่ราชินีเจตซุนเพียงพระองค์เดียว
ภายหลังจากการอภิเษกสมรส สื่อต่างประเทศได้ขนานนามให้เจตซุน เป็น “เคท มิดเดิลตัน” แห่งหิมาลัย เนื่องจากความงาม การวางตัว และเซนส์ทางแฟชั่นที่เตะตา
แม้พระองค์จะดูนุ่มนวลและอ่อนหวาน แต่จริง ๆ แล้วพระองค์มีความสนใจที่ลุ่มลึกในด้านศิลปะเรเนซองส์ การถ่ายภาพ และดนตรีพื้นเมือง นอกจากนี้ยังเคยเป็นกัปตันทีมบาสเกตบอลในโรงเรียนมาก่อนด้วย
ปัจจุบันราชินีเจตซุนเป็นพระมารดาของ เจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก มกุฎราชกุมารแห่งภูฏาน และมีความสนใจในโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เมแกน มาร์เคิล
ราชวงศ์อังกฤษจะมีข่าวดีอีกครั้ง หลังจากราชสำนักประกาศว่าพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง เจ้าชายแฮร์รี่ และพระคู่หมั้น “เมแกน มาร์เคิล” นักแสดงสาวชาวอเมริกัน จะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ภายหลังจากเจ้าชายคุกเข่าขอเธอแต่งงานในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาในพระราชวังเคนชิงตัน ระหว่างที่ทั้งสองกำลังอบไก่และใช้เวลาส่วนตัวด้วยกันตามปกติ
แม้ว่าตอนแรกที่มีกระแสข่าวคบกัน จะมีเสียงวิจารณ์มากมาย เพราะนอกจากจะเป็นชาวอเมริกันที่จะได้เข้าไปเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ แมร์เคิลยังมีอายุมากกว่าเจ้าชาย 3 ปี โดยปีนี้เธออายุ 36 ปี เธอเป็นม่ายสาวเคยหย่าร้างมาก่อน และเธอยังเป็นลูกครึ่งผิวขาว-ดำ แต่เจ้าชายแฮร์รี่ได้ออกมาประกาศด้วยพระองค์เองว่าสตรีผู้นี้คือคนที่พระองค์เลือกเป็นคู่ครอง และประณามสื่อที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของแฟนสาว
คนทั่วโลกให้ความสนใจในตัวนักแสดงสาวคนนี้อย่างยิ่ง ทั้งตั้งคำถามว่าทำไมเธอคนนี้สามารถพิชิตใจเจ้าชายจอมเจ้าชู้ได้ มาร์เคิลโด่งดังจากซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง “Suits” และได้พบกับเจ้าชายแฮร์รี่ครั้งแรกในกรุงลอนดอน ในงานปาร์ตี้นัดบอร์ดที่เพื่อน ๆ จัดขึ้น เจ้าชายไม่รู้จักเธอมาก่อน ไม่เคยดูผลงานของเธอ แต่พระองค์ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น และภายหลังการคบกัน พระองค์ได้ออกมายืนยันความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองด้วยตัวเอง
สิ่งที่เจ้าชายตกหลุมรักมาร์เคิลอาจจะไม่ใช่ความงามของเธอ แต่คือความเฉลียวฉลาดและจิตใจที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่น มาร์เคิลจบการศึกษาระดับปริญญาโท
ด้านจิตบำบัด เคยฝึกงานในสถานทูตสหรัฐ ประจำกรุงบัวโนสไอเรส นอกจากการเป็นนักแสดง เธอยังมีความสามารถด้านงานเขียน มาร์เคิลได้ร่วมงานกับสหประชาชาติหลายครั้ง เธอน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ้าชายหันมาสนใจงานการกุศลมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ภายหลังมาร์เคิลแต่งงาน เธอจะไม่ได้รับยศเจ้าหญิง เนื่องจากยศเจ้าหญิงจะมอบให้ได้เฉพาะสตรีที่สืบเชื้อสายราชวงศ์เก่าเท่านั้น แต่ทางสำนักราชวังจะมียศอื่นมารองรับการเป็นสมาชิกราชวงศ์ อย่างเช่น เคท มิดเดิลตัน ที่ได้รับยศ “ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์”
พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และมาร์เคิลจะเกิดขึ้นที่โบสถ์เซนต์จอร์จ คาดว่าจะเป็นพิธีสำคัญไม่แพ้กับพิธีเสกสมรสเมื่อ 6 ปีก่อนของเจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตัน เชื่อได้ว่ามาร์เคิลจะเป็นเจ้าสาวที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด และสวยที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
เกรซ เคลลี่
กุหลาบแห่งฮอลลีวูด เจ้าหญิงในภาพยนตร์ที่กลายมาเป็นเจ้าหญิงในชีวิตจริง เมื่อเธอได้เข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยที่ 3 แห่งโมนาโก และกลายเป็น “เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก” เธอคือ Golden Girl แห่งวงการ ที่แม้ว่าจะมีเวลาโลดแล่นบนจอฟิล์มแค่ราว 5 ปีก่อนแต่งงาน แต่ก็โด่งดังค้างฟ้ากระทั่ง “แอร์เมส” แบรนด์กระเป๋าลักเซอรี่นำชื่อเธอไปตั้งชื่อรุ่นกระเป๋า
เกรซ เคลลี่ ได้พบกับ เจ้าชายเรนิเยที่ 3 เมื่อครั้งที่เธอได้รับเชิญไปร่วมถ่ายรูปในพระราชวังโมนาโกกับเจ้าชายเรนิเย หลังจากผลัดมาหลายครั้งเพราะทำงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน เธอก็ได้เดินทางไปพบเจ้าชาย การเดตเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการและมีช่างภาพคอยติดตาม แต่ทั้ง 2 ก็ได้ติดต่อกันผ่านทางจดหมายเนื่องจากอยู่ไกลกันคนละประเทศ
ในที่สุด เจ้าชายก็เสด็จมายังสหรัฐอเมริกา และขอเกรซ เคลลี่ แต่งงานในคืนก่อนวันปีใหม่ หลังจากนั้น งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และได้รับการจับตามากที่สุดในศตวรรษก็เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุอันน่าเศร้าก็ได้พรากชีวิตเจ้าหญิงเกรซไปด้วยพระชนมายุ 52 พรรษา พระองค์ทรงขับรถด้วยตัวเองไปพร้อมเจ้าหญิงสเตฟานี พระราชธิดา จากนั้นเกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตกทำให้รถเสียหลักตกเขา แม้พระธิดาจะปลอดภัยดี แต่เจ้าหญิงเกรซได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ภายหลังการสวรรคตของเจ้าหญิงผู้งดงาม เจ้าชายเรนิเยเสียพระทัยเป็นอย่างมาก และนำมาซึ่งผลกระทบทางพลานามัยของพระองค์ ไม่มีการอภิเษกครั้งใหม่เกิดขึ้น จนกระทั่งเสด็จสวรรคตเมื่อมีพระชนมายุได้ 81 ชันษา