จากเด็กกำพร้า สู่นักปั่นบีเอ็มเอ็กซ์ทีมชาติ “น้องยิ้ม” คนไร้รากเหง้า หวังได้สัญชาติไทย

“เด็กที่สถานสงเคราะห์คือเด็กที่ด้อยโอกาส ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ” คือคำพูดและความคิดของคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ตัดสินผู้อื่น เพียงเพราะพวกเขาเป็นเด็กกำพร้า แต่ถ้าลองเปิดใจมองเห็นถึงความสามารถที่พวกเขามี และมองข้ามสถานะที่เขาเป็นอยู่ คุณอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นก็ได้

น.ส.เงางาม (ไม่มีนามสกุล) หรือน้องยิ้ม เด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดสระบุรี รับมาดูแล เมื่อปี 2548 ตอนนั้นน้องยิ้มอายุได้เพียง 7 ขวบ น้องเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมดี เรียบร้อย มีนิสัยร่าเริง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นที่รักของเพื่อนๆ ปัจจุบันน้องยิ้มอายุ 19 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

สถานสงเคราะห์มองว่า เด็กแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป เจ้าหน้าที่พยายามทำให้เด็กๆมองเห็นคุณค่าในตัวเอง เมื่อเขาเห็นคุณค่าของตัวเองแล้ว เขาก็จะมีความภูมิใจในตัวเอง อยากทำสิ่งดีๆและกลับไปสู่สังคมภายนอกได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้หากิจกรรมให้เด็กๆทำ ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ กีฬา หรือด้านวิชาการที่เขาถนัด

เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2559 นายอนุชิต กิจวาณิชเสถียน หรือ โค้ชเกรียง ครูจิตอาสาได้เข้ามาสอนเด็กๆ ให้ปั่นจักรยาน โดยมีน้องยิ้มเป็นหนึ่งในนั้น หลังจากซ้อมประมาณ 1 เดือน น้องยิ้มและเพื่อน ได้ลงแข่งขัน บีเอ็มเอ็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2016 ที่จ.สุพรรณบุรี แต่เนื่องจากเด็กๆยังไม่เก่ง ทำให้ไม่ได้รางวัลติดมือกลับมาในการแข่งขันครั้งนั้น

อาจารย์อนุชิต เล่าว่า น้องยิ้มมีความสามารถด้านกีฬาในระดับที่ดี มีจุดเด่นเรื่องความขยัน อึด อดทน แต่ยังขาดทักษะ และประสบการณ์ รวมทั้งความแข็งแรงของร่างกาย เพราะกีฬาบีเอ็มเอ็กซ์ จำเป็นต้องใช้แรงเยอะ อย่างไรก็ตามจากการฝึกซ้อมเพียงแค่ 1 ปี ถือว่าน้องประสบความสำเร็จมากที่สามารถเข้าสู่ทีมชาติได้ และถ้ามีสนามแข่งขันที่ดี

โดยเจ้าหน้าเริ่มหางบประมาณทำสนามฝึกซ้อม ส่วนจักรยานได้รับบริจาคมาจากผู้ใจบุญ ทำให้เด็กๆได้ซ้อมกันอย่างจริงจังมากขึ้น และหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พาไปแข่งในรายการต่างๆ รายการแรกคือ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพฯ เริ่มแข่งในเดือนม.ค.60 โดยเป็นการแข่งทั้งหมด 5 สนาม ในรูปแบบเก็บคะแนนสะสม ซึ่งน้องยิ้ม ที่ลงแข่งในรุ่นทั่วไปเพราะน้องอายุเกิน 18 ปี ได้อันดับที่ 5

ส่วนรายการที่ 2 คือ รายการชิงแชมป์เอเชีย น้องยิ้มได้เกียรติบัตรกลับมา และเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เรียกตัวน้องยิ้มเข้าไปเก็บตัวทีมชาติไทย และได้ลงแข่งระดับนานาชาติ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และได้อันดับที่ 7 มาในครั้งนั้น

ทุกๆวันน้องยิ้มและเพื่อนๆยังหมั่นฝึกซ้อมด้วยความตั้งใจ พวกเขาดูมีความสุขกับการที่ได้ปั่นจักรยาน ทุกคนรู้ดีว่าการปั่นจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ มีความเสี่ยงและอันตรายมากพอสมควร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของพวกเขาลดน้อยลงเลย ถึงแม้ในการซ้อมแต่ละครั้งจะทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บก็ตาม

และด้วยความตั้งใจที่น้องยิ้ม ทำให้เขามีโอกาสก้าวเข้าสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติ น้องยิ้มดูมีความสุขมาก เมื่อพูดถึงการได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ แต่ความฝันและความตั้งใจของน้องยิ้มกำลังเจออุปสรรค เมื่อในตอนนี้ น้องยิ้มยังไม่มีสัญชาติ ทำให้ยากต่อการทำพาสปอร์ตหรือเอกสารต่างๆในการเดินทางไปต่างประเทศ

เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์หญิงจังหวัดสระบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังยื่นเรื่องขอสัญชาติให้กับน้องยิ้ม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น การที่จะออกบัตรให้น้องมีสัญชาติได้นั้น จะต้องมีเอกสารหรือหลักฐานที่สามารถบอกได้ว่า น้องยิ้มเป็นคนไทย มีสัญชาติไทย

น.ส.สุทธินี นุชนารก นักพัฒนาสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ เล่าว่า น้องยิ้มเข้ามาอยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงสระบุรี ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ น้องเป็นเด็กอัธยาศัยดี มีนิสัยร่าเริง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อีกทั้งน้องยังมีความสามารถในการปั่นจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ ซึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงให้สถานสงเคราะห์ฯ และจังหวัด โดยการเข้าร่วมแข่งจักรยานของน้องๆ ทำให้พวกเขาได้เห็นคุณค่า และภูมิใจในตัวของพวกเขาเอง ว่าสามารถทำสิ่งดีๆตอบแทนสังคมได้

น.ส.สุทธินี กล่าวต่อว่า ในส่วนเรื่องการยื่นขอสัญชาตินั้น ทางสถานสงเคราะห์ได้ยื่นเรืองไปที่ นายทะเบียนท้องถิ่น เทศบาลพระพุทธบาทแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐาน เพื่อหาข้อสรุปว่าน้องมีสัญชาติไทยหรือไม่ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่สถานสงเคราะห์พบน้องครั้งแรก ปรากฎว่าน้องสามารถพูดไทยได้ และคาดว่าน้องยิ้มน่าจะเป็นคนไทย และควรได้รับสัญชาติไทย

ขณะที่ น้องยิ้ม เล่าว่า เริ่มต้นการปั่นจักยานบีเอ็มเอ็กซ์ เพราะเป็นกีฬาที่ท้าทาย จึงทุ่มเทและฝึกฝนฝีมือ จนสามารถลงแข่งได้ และได้รับรางวัลอันดับที่ 5 ในการแข่งขันรุ่นทั่วไปหญิง รายการบีเอ็มเอ็กซ์ เรสซิ่ง ชิงแชมป์ประเทศไทย 2016 และรางวัลอันดับที่ 7 รุ่นทั่วไปหญิง บีเอ็มเอ็กซ์ เรสซิ่ง ไทยแลนด์โอเพนท์ 2017

“ความหวังของหนูคือในอนาคตอยากติดทีมชาติ จึงทุ่มเทตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก และในอนาคตอยากเป็นครูสอนปั่นจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ให้กับเด็กยากจนที่ไม่มีโอกาส เพื่อที่น้องเขาจะมีโอกาสก้าวมาเป็นทีมชาติแบบหนูบ้าง” น้องยิ้ม กล่าว

ด้าน นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสัญชาติ ที่เข้ามาประสานงานช่วยเหลือน้องยิ้ม กล่าวว่า การขอสัญชาติของน้องยิ้ม ตอนนี้อยู่ระหว่างยื่นเรื่องขอสัญชาติกับนายทะเบียนท้องถิ่น เทศบาลพระพุทธบาท เพื่อขอเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้าน และขอใช้นามสกุลเพิ่มไป ซึ่งในเรื่องระยะเวลานั้นไม่สามารถระบุได้ว่าจะทำเรื่องนานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กรณีน้องยิ้มต่างจากกรณีของ หม่อง ทองดี เพราะ หม่องมีพ่อแม่เป็นแรงงานข้ามชาติ แต่น้องยิ้มไม่มีพ่อแม่ อยู่ในการดูแลของสถานสงเคราะห์ฯ มานาน ที่ผ่านมาได้แค่บัตรบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนใช้เป็นบัตรชั่วคราว และกำลังรอการพิสูจน์อยู่

“น้องยิ้มน่าจะมีสัญชาติไทยเพราะมีหลักฐานข้างเคียงเชื่อได้ว่า น้องเป็นคนไทยเพราะน้องจำชื่อแม่และพี่สาวซึ่งเป็นคนไทยได้ และน้องสามารถพูดภาษาไทยได้ เพียงแต่ไม่สามารถตามหาพ่อแม่ คาดว่าเป็นคนไทยแต่ไร้รากเหง้า เนื่องจากพ่อแม่น่าจะเป็นคนไทย จึงถือว่าน้องเป็นคนไทยโดยการเกิด ต่อจากนี้เหลือเพียงการรับรองความเป็นคนไทยให้กับน้องยิ้ม ก็จะได้สิทธิที่ถูกต้อง” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้น้องยิ้มเคยได้รับการติดต่อให้ไปแข่งต่างประเทศมาแล้ว 1 ครั้ง แต่คนดูแลคิดว่าไม่มีสัญชาติจึงไม่สามารถส่งไปแข่งได้ ทั้งที่จริงๆแล้วสามารถขออนุญาตไปแข่งเป็นกรณีพิเศษได้เหมือนกับหม่องทองดี และล่าสุดน้องยิ้มได้รับเชิญให้ไปฝึกในทีมชาติ โดยเก็บตัวเพื่อไปแข่งเอเชียนเกมส์ และชิงแชมป์เอเชีย หากสามารถมอบสัญชาติไทย ตามเอกสารหลักฐานที่สถานสงเคราะห์มี จะทำให้น้องสามารถเดินทางไปแข่งขันทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติได้โดยง่าย

อย่างไรก็ตาม การที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติเรื่องสัญชาติที่แน่ชัด เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นอุปสรรคในการก้าวเข้าสู้ทีมชาติของน้องยิ้ม เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เคยถูกมองว่าเป็นเด็กด้อยโอกาส แต่วันนี้น้องยิ้มก็ได้พิสูจน์ให้ใครหลายๆคนเห็นแล้วว่า “คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ใช่ว่าชีวิตจะไร้ค่า เพียงแค่เราไม่ท้อ มีความตั้งใจ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้”

นงนุช แพพุดซา-ภัทรพล สุวรรณศรี / รายงาน