สกว.-สกอ. เชิดชูเกียรติ 10 นักวิจัยเด่นจากหิ้งสู่ห้าง

สกว. จับมือ สกอ. มอบรางวัลเชิดชู 10 นักวิจัยที่มีผลงานโดดเด่น จาก 7 สถาบัน ด้านรองนายกรัฐมนตรี ฝากถึงนักวิจัยช่วยกันปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศรองรับประเทศไทย 4.0 ย้ำรัฐบาลจะปลดล็อก อุปสรรคในการทำวิจัยทั้งหมดเพื่อให้นักวิจัยได้รับการคุ้มครองสิทธิ ได้รับผลตอบแทนเมื่อมีการขยายผลต่อยอด

พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมและปาฐกถานำเรื่อง “การปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศในยุค Thailand 4.0” ในงาน “นักวิจัยรุ่นใหม่…พบ…เมธีวิจัยอาวุโส สกว.” ครั้งที่ 17 พร้อมมอบรางวัล 2018 TRF-OHEC-Clarivate Analytics Research Excellence Award และ 2018 TRF-OHEC-Scopus Researcher Award โดยมีนักวิจัยร่วมงานกว่า 1,000 คน ทั้งนี้ยังกล่าวว่า งานวิจัยที่มีคุณค่าก่อให้เกิดปัญญาที่มีความแน่น เกิดจากระบบการกลั่นออกมา เป็นผลที่นำมาใช้งานและต่อยอดได้และก้าวสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ แก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำคัญคือนำไปสู่การพัฒนาด้านพาณิชย์และการค้า เครือข่ายวิจัยถือเป็นเรื่องท้าทายที่พวกพี่ๆ เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 50 เป็นต้นมา ทุกคนเชื่อมั่นว่าการวิจัยในภาพรวมมีความสำคัญ เมื่อมีการสร้างงานวิจัยจะเกิดปัญญาและความรู้ ที่นำไปสู่เทคนิคหรือกลยุทธ์ต่างๆ ที่รวมตัวกันเป็นสหวิชา ทำให้เกิดตัวเร่งในการเกิดนวัตกรรม ผลผลิตใหม่ๆ ที่นำมาใช้ให้เกิดผลในด้านต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลา นวัตกรรมจากเทคโนโลยีดิจิตอล หุ่นยนต์ นาโน ชีวภาพ พลังงาน อย่างครบวงจร เหล่านี้เรามีพื้นฐานค่อนข้างมากแต่มักจะทำกันเป็นแท่งๆ เป็นส่วนๆ เก็บเป็นภูมิปัญญาของตัวเอง ยังไม่ถึงเวลาก็เก็บเข้าลิ้นชักจนลืมแล้วอยู่บนหิ้ง นอกจากนี้ คนไทยมักไม่เชื่อคนไทยด้วยกันเอง เราต้องพิสูจน์ด้วยการผลิตและขายในต่างประเทศ จนคนไทยตื่นตัวจึงยอมรับ เราถูกกระแสค่านิยม ต้องใช้หรือกินของจากต่างชาติจึงจะเท่ เราพิสูจน์แล้วว่าอาหารไทย ข้าวไทย มีคุณประโยชน์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว ต้องอาศัยทุนวิจัยและเครื่องมือเพื่อต่อยอดสู่ความสำเร็จ สมุนไพรก็เช่นกันในบ้านเรามีมากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ แต่ปัญหาคือผลิตมาแล้วต้องมีการคุ้มครองผู้บริโภค โฆษณาประชาสัมพันธ์ด้านการรับรองคุณภาพทางยาและอาหาร ทำให้เป็นอุปสรรคที่เดินไปได้ช้ากว่าต่างประเทศ เราผลิตแล้วยังโฆษณาไม่ได้เพราะจะมีปัญหาด้านกฎหมาย ต้องส่งต่อความรู้หรือขายตรง

ทั้งนี้ ต้องเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้ใช้ประโยชน์ได้และมีเสถียรภาพ ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็นสาขาต่างๆ จาก 10 คลัสเตอร์ใหญ่ ที่สามารถนำมาเป็นประเด็นวิจัย เพื่อให้ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ และประเทศไทย 4.0 ได้ เพื่อให้เราสามารถพึ่งพาตัวเอง ผลิตเองและซ่อมบำรุงได้ เกิดการสร้างงาน เราต้องดูว่า อะไรที่เป็นจุดแข็งที่เราต้องเร่งพัฒนาตามความต้องการของตลาด และความเท่าเทียม ที่คนไทยทุกคนจะเข้าถึง บริการของภาครัฐ การศึกษา มีโอกาสรับทุนที่จะพัฒนาต่อยอดหรือวิจัย

การทำนวัตกรรม ทำงานในเชิงวิชาการ หรือในบริษัทต่างๆ ซึ่งขณะนี้เราเปิดโอกาสให้นักวิจัย ที่ใช้ทุนของหลวงไม่จำเป็นต้องทำราชการอย่างเดียว แต่ทำงานในภาคส่วนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศได้ ทั้งหมดนี้อยู่ในกระบวนการปฏิรูปของรัฐบาล ที่เห็นความสำคัญ และให้การสนับสนุน เหมือนขบวนรถไฟที่ต้องไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดการวิจัย องค์ความรู้ เทคนิคผสมผสานที่ก่อให้เกิดผลผลิต เราได้เตรียมการยกร่างกฎหมายที่เชื่อมโยงงานวิจัย งบประมาณ องค์กร และการใช้ประโยชน์ร่วมกัน เป็นยุทธศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

อีกประเด็นสำคัญคือ งบประมาณ นอกจากการสนับสนุนจากภาครัฐแล้ว ยังต้องมีการสนับสนุนจากภาคเอกชนเพิ่มเป็น 70% ในปี 2562 ควรมีงบต่ำสุด 4 หมื่นล้านบาท งบวิจัยจะได้กระจายตามความต้องการ สนับสนุนการทำงานเป็นทีมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และให้ภาคการศึกษาและชุมชนได้มีโอกาสทำวิจัยด้วย ภาคเอกชนที่มีความสามารถในการชี้เป้าต้องร่วมกำหนดความต้องการของโลก เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ว่าจะอยู่จุดใด จะได้วางแผนการทำวิจัยได้ถูกต้อง มีส่วนร่วมกันตั้งแต่กำหนดโจทย์และงบประมาณ ภาคเอกชนจึงมีส่วน สำคัญมากในการร่วมผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เชื่อว่าจากนี้ไปเราจะร่วมมือกับภาคเอกชน และประชาชนมากขึ้น เราจะมีคณะกรรมการที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งน่าจะเริ่มขับเคลื่อนได้ ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป

ด้าน ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการ สกว. กล่าวว่า สกว. ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จัดมอบรางวัลดังกล่าวแก่ 10 นักวิจัยที่มีผลงานโดดเด่น เพื่อเชิดชูเกียรติแก่วุฒิเมธีวิจัย สกว. ตลอดจนเมธีวิจัย สกว. และนักวิจัยรุ่นใหม่ ที่มีผลงานวิจัยจากโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก สกว. ดีเยี่ยม ทั้งคุณภาพของงานวิจัย ตลอดจนผลกระทบต่อวงวิชาการ เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจ ในการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพสูงต่อไป โดยนักวิจัยที่ได้รับรางวัลในปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 10 ท่าน ในสาขาต่างๆ จาก 7 สถาบัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยบูรพา และสถาบันวิทยสิริเมธี นอกจากนี้ สกว. ยังได้ให้ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัย (เมธีวิจัยอาวุโส สกว.) จำนวน 13 ท่าน และศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น อีก 4 ท่าน