ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.10 น. นายอาทิราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม นักร้องชื่อดัง พร้อมทีมงาน ได้วิ่งโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เซตสุดท้าย มาถึงหน้าโรงเรียนบ้านแม่คำ (ประชานุเคราะห์) บ้านแม่คำบ้านใหม่ หมู่ 8 ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงราย เขต 3 ก่อนถึงด่าน ตรวจคนเมืองแม่สาย อ.แม่สาย เพียง 25 กิโลเมตร มีนักเรียน ครูอาจารย์ ประชาชน นักท่องเที่ยว มารอรับจำนวนมาก พร้อมติดป้ายบนสะพานลอยหน้าโรงเรียน มีข้อความว่า “คนแม่คำ ยินดีต้อนฮับ อ้ายตูน และทีมงานก้าวคนละก้าว” พร้อมชูป้าย “อำเภอแม่จัน พร้อาใจสู้ไปกับพี่ตูน” ก่อนมีการแสดงกลองสะบัดชัยและนักเรียนชนเผ่าอาข่า ร้องเพลงชนเผ่า ต้อนรับ ซึ่งตูน ได้ปรบมือและเต้นไปตามจังหวะ ด้วยสีหน้าอย่างมีความสุข และสนุกสนาน ก่อนมีการมอบป้ายบริจาคเงินของ อ.แม่จัน รวมกว่า 1.5 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนเข้าโครงการดังกล่าว
ระหว่างการวิ่งมาถึงหน้าโรงเรียนดังกล่าว มีประชาชนมารอบริจาคเงิน พร้อมยืนถ่ายรูป และคลิปวีดีโอ ริมถนนสายแม่จัน-แม่สาย ฝั่งขาเข้า ยาวกว่า 2 กิโลเมตร ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดบางช่วง จากนั้น ตูน และทีมงาน ได้แวะหยุดพักผ่อนที่โรงเรียนดังกล่าว เพื่อบำบัดรักษาแขนที่บาดเจ็บและคลายกล้ามเนื้อ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนมุ่งหน้าสู่ด่านแม่สาย จุดหมายปลายทางสุดท้าย ซึ่งเป็นการวิ่งวันสุดท้าย จากเบตง ยะลา ถึงแม่สาย เชียงราย รวมระยะทาง 2,191 กิโลเมตร
นายสุเวช ภูมิรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลแม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เผยว่า ตน พร้อมนายชินกร ก๊อใจ กำนัน ต.แม่คำ นายสุขคำ เดชอูป นายกเทศมนตรีตำบลสายน้ำคำ นางธนพร วังเมือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีค้ำ ได้นำประชาชน 3 ตำบล อ.แม่จัน ที่มีประชากรรวมกันกว่า 30,000คน มาต้อนรับตูน และทีมงานก้าวคนละก้าว ตลอดสองข้างทางที่วิ่งผ่านตำบลแม่คำ พร้อมจัดแสดงวัฒนธรรมชนเผ่าอาข่า ไทใหญ่ เพื่อแสดงความขอบคุณที่ตูน และทีมงาน เสียสละ มีความมุ่งมั่นหาเงินเข้าโครงการดังกล่าว
“ชาวบ้าน 3 ตำบล อ.แม่จัน ถือเป็นส่วนหนึ่งที่อยากให้โครงการประสบความสำเร็จ ซึ่งชาว อ. แม่จัน มียอดเงินบริจาครวมกันกว่า 1.5 ล้านบาท ดังนั้นขอเป็นตัวแทนชาว อ.แม่จัน อวยพรให้ตูน มีสุขภาพแข็งแรง เพราะวิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนได้รับบาดเจ็บและร่างกายทรุดโทรมลง อยากเห็นร่างกายได้รับฟื้นฟูและหายบาดเจ็บโดยเร็ว เพื่อคิดหรือทำโครงการดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอีก เพื่อสร้างความรัก สามัคคี ปรองดอง ไม่แบ่งฝ่าย ที่สำคัญสามารถรวมพลังคนไทยเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งประเทศ ถือว่าสุดยอดมาก จนได้รับเกียรติจากคนไทยทั้งชาติว่า เป็นบุคคลแห่งปี” นายสุเวช กล่าว