ชาวสิชลโวยอยู่ป่าชายเลนมานับ 100 ปี กลับถูกเอกชนฟ้องไล่-ร้องนายกฯ สอบสิทธิครอบครองที่

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีทหารค่ายฝึกรบพิเศษที่ 4 สิชล เข้ามาดูแลชาวบ้าน หมู่ 2 ต.สิชล ต.สิชล จ.นครศรีธรรมราช หลังไปร้องเรียนกับพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อ 2 วันก่อน โดยชุมชนดังกล่าวมีชาวบ้านอาศัยอยู่ 75 ครัวเรือน รวม 365 คน เดิมเป็นป่าชายเลนหนาแน่น ซึ่งรุ่นปู่ย่าตายายได้เข้ามาสร้างบ้านเรือนอาศัยนานกว่า 2 ชั่วอายุคน เป็นเวลาราว 100 ปี แต่พบว่าขณะนี้มีการออกเอกสารสิทธิครอบครองทั้งพื้นที่กว่า 20 ไร่ จำนวน 2 ครั้ง คือ พ.ศ.2529 และ พ.ศ. 2553 โดยที่ชาวบ้านไม่เคยทราบมาก่อน ก่อนถูกฟ้องขับไล่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมานางผ่อง มาลาเวช อายุ 90 ปี เปิดเผยว่า ตนอพยพมาจาก อ.หัวไทร กับครอบครัวตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี จนถึงขณะนี้อายุ 90 ปีแล้ว ตนมีลูก 13 คน ตอนมาอยู่แรกๆ พื้นที่บริเวณนี้เป็นป่าชายเลน ไม่มีคนอาศัยอยู่เลย จึงเริ่มบุกเบิกสร้างบ้านในป่าชายเลน แต่เมื่อกรมเจ้าท่าดูดทรายจากปากน้ำมากองในพื้นที่ ทำให้พื้นที่สูงขึ้น และสะดวกสบายมากขึ้น จนทำให้มีผู้อาศัยจำนวนมาก แต่พอมาทราบว่าถูกไล่ที่ ชาวบ้านจึงรวมกันไปเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือ และเข้าตรวจสอบว่าการออกเอกสารสิทธิครอบครองพื้นที่ออกมาได้อย่างไร หากถูกไล่ที่คงต้องไปสร้างแพอยู่ในทะเลขณะที่นางเผี้ยน แก้ววิจิตร อายุ 87 ปี กล่าวว่า ตอนนี้เดือดร้อนมาก เพราะไม่มีที่อยู่อาศัย ทางเดียวที่จะขอพึ่งคือไปอาศัยกับนายกรัฐมนตรี ตนยอมรับว่าพื้นที่ป่าชายเลนผืนนี้เป็นของหลวง ไม่ได้เป็นของใคร แต่ชาวบ้านรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย มาตั้งชุมชน ไม่เคยมีปัญหา แต่ปัจจุบันกลับมีเจ้าของไปแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า เดิมนั้นชาวบ้านไม่ยอมให้มีการรังวัด จึงมาทำความเข้าใจให้รังวัดเพื่อพิสูจน์ แต่เมื่อเข้ารังวัดกลับมีผู้ครอบครองหรือรังวัดครอบคลุมบ้านเรือนประชาชนทั้ง 75 หลังแล้ว ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การออกเอกสารสิทธินั้นชอบหรือไม่