สรรพสามิตไล่เช็กบิลลานเบียร์ ตรวจเข้มขอใบอนุญาต – ลุยปราบสินค้าหนีภาษีช่วงฉลองปีใหม่

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่สรรพสามิตเร่งสนธิกำลังกับฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหารเร่งออกปราบปรามสินค้าเลี่ยงภาษีในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะการปราบปรามสุราเถื่อน บุหรี่เถื่อน และน้ำมันเถื่อน ที่อาจลักลอบเข้ามามากตามชายแดนเนื่องจากเป็นช่วงที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองจึงมีความต้องการใช้อุปโภคบริโภคจำนวนมาก โดยพื้นที่เป้าหมายจะเน้นการตรวจจับตามด่านชายแดน ตลอดจนแหล่งชุมชน สถานบริการ ร้านค้าที่มีความเสี่ยงลักลอบนำสินค้าหนีภาษีมาจำหน่าย

นอกจากนี้ จะเน้นลงตรวจสอบลานเบียร์ และสถานบันเทิงด้วย เพราะฤดูหนาวจะมีผู้ประกอบการนิยมเปิดลานเบียร์จำนวนมาก โดยจะเข้าไปดูว่ามีการขอใบอนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกต้องหรือไม่ รวมถึงเปิดขายตามกฎหมายระบุไว้หรือเปล่า เพราะโดยปกติกรมจะไม่ให้ใบอนุญาตเปิดในพื้นที่โซนนิ่งใกล้วัดหรือสถานศึกษา ห้ามขายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมถึงขายนอกเหนือเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.

ล่าสุดจากการตรวจการขายสุราของสถานประกอบการให้ถูกต้องตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา 9,464 ราย ได้เพิกถอนใบอนุญาตขายสุรากฎหมายสรรพสามิต 321 ราย

“กระทรวงการคลังได้สั่งให้กรมสรรพสามิตเร่งปราบปรามสินค้าหนีภาษีอย่างเข้มข้น จึงให้มีการจัดโปรแกรมแชตไลน์กลุ่ม เพื่อรายงานข้อมูลการจับกุมเข้ามาตลอด 24 ชั่วโมงทำให้ทราบความเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะตอนนี้นอกจากจะใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว จากการประกาศใช้พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ใหม่ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็อาจเป็นแรงจูงใจให้มีบุหรี่และสุราหนีภาษีเข้ามาในประเทศมากขึ้น และส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปหาสินค้าหนีภาษีแทน เห็นได้จากผลการปราบปรามช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2560 มีการจับกลุ่มได้ถึง 3,962 คดี มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 500 คดี”

สำหรับผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ เดือนต.ค.-พ.ย. 2560 มีการกระทำผิด 3,962 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 161.37 ล้านบาท โดยแยกเป็นคดีสุรามากสุด 1,801 คดี ของกลาง 63,816 ลิตร คิดเป็นเงินค่าปรับ 36.34 ล้านบาท รองลงมาคดียาสูบ 1,544 คดี ของกลาง 6.47 ล้านมวน เป็นค่าปรับ 111.11 ล้านบาท คดีไพ่ 192 คดี ของกลาง 9,464 สำรับ ค่าปรับ 1.83 ล้านบาท และคดีอื่นๆ เช่น คดีจับกุมสินค้ารถจักรยานยนต์ รถยนต์ น้ำหอม และน้ำมัน อีก 425 คดี ค่าปรับ 12.09 ล้านบาท

นายกฤษฎากล่าวต่อว่า หลังจากนี้ กรมจะประเมินผลการใช้ภาษีสรรพสามิตใหม่หลังครบรอบ 3 เดือนด้วย โดยจะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตมากกว่าหมื่นรายการตามร้านค้าปลีก เช่น เซเว่นอีเลฟเวน แฟมิลี มาร์ท บิ๊กซี โลตัสว่ามีการขายปลีกตรงกับที่แจ้งเสียภาษีกับกรมไว้หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบการตั้งราคาขายไว้เป็นเหตุเป็นผลกับต้นทุน และอัตราภาษีที่ใช้ใหม่หรือเปล่า จากนั้นจะมีการประเมินและทบทวนอีกครั้ง