เพชรบุรียังวิกฤตน้ำทะลักเขตเมือง บ้านลาดท่วมสูง 60 ซม.เพชรเกษมรถติดยาวเหยียด

จากกรณีที่มีฝนตกหนักลงมาต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากฤทธิ์ของพายุคีโรกี ส่งผลให้เกิดปริมาณน้ำที่สะสมอยู่ในพื้นที่และปริมาณน้ำฝนที่ตกเพิ่มทำให้เกิดมวลน้ำจำนวนมากไหลลงสู่ถนนเพชรเกษมและเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายจำนวนมากต่อมา โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรีเตือนประชาชนเพชรบุรีโดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีและตลอดแม่น้ำเพชรให้ ยกของขึ้นที่สูงเนื่องจาก สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเพชรเข้าสู่ภาวะวิกฤตและมีการเปิดระบายน้ำออกจำนวนมาก

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.เพชรบุรี ว่าหลังจากที่น้ำจากแม่น้ำเพชรบุรีล้นเอ่อข้ามถนนเพชรเกษม ช่วงแยกอำเภอบ้านลาด จนถึงต.ต้นมะม่วง ระดับน้ำสูง 40-60 เซนติเมตร ทำให้การจราจรติดขัดยาวไปจนถึงอ.บ้านลาด ประมาณ 3-4 กิโลเมตร โดยเฉพาะฝั่งขาเข้ากทม.

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วม ในตัวเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี อำเภอเมือง จ.เพชรบุรี เวลา 05.00 น. ของวันนี้ ระดับน้ำในเขตเมืองทรงตัว อยู่ที่ 20 เซนติเมตร โดยถนนที่ถูกน้ำท่วม ได้แก่ ถ.ราชดำริห์ ถ.มาตยวงค์ ถ.18 เมตร ถ.หน้าวัดใหญ่ ถ.อุรุพงษ์ ถ.ดำเนินเกษม และมี 4 จุดที่ห้ามเข้า ได้แก่ 1.สะพานลำใยฝั่งถนนดำเนินเกษม 2.แยกประปาเก่าห้ามเลี้ยวเข้าดำเนินเกษม 3.แยกต้นมะม่วงห้ามเข้าสะพานอุรุพงษ์ 4.แยกคงคารามห้ามเข้าถนนราชดำเนิน

นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า จำนวนมวลน้ำมาเร็ว จำเป็นต้องปล่อยจุดระบายน้ำ ซึ่งมีการเตรียมความพร้อม มีแผนเผชิญเหตุ มีสถานที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ประชาชนเดือนร้อนต้องไม่เกิน 3 วัน ให้ผลกระทบเกิดน้อยที่สุด ดำเนินการให้มีที่รับน้ำ ที่จะส่งตรงไปยังแม่น้ำเพชรบุรี มีฝ่ายสนับสนุนหน่วยวางแผนการแจ้งเตือนภัย ฝ่ายปฏิบัติ กู้ชีพ กู้ภัย รวมทั้ง ส่วนสนับสนุน การสื่อสาร การรักษาพยาบาล โดยเตรียมการทุกด้านทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเมื่อน้ำลด ซึ่งจากการถอดบทเรียนจากปีที่แล้ว จะต้องทำทุกวิถีทางให้การแก้ปัญหาได้ดีที่สุด

ขณะนี้แต่ละหน่วยงาน ทั้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โครงการชลประทานเพชรบุรี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี มณฑลทหารบกที่ 15 และทุกอำเภอ เตรียมการที่จะไม่ให้น้ำท่วมยาวนาน ไม่ทำความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตร และขณะนี้เตรียมการนำเครื่องสูบน้ำ 26 เครื่อง เครื่องผลักน้ำ 28 เครื่อง และประสานกองทัพเรือ จะใช้เรือ 40 ลำ เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้รวดเร็วขึ้น