ที่มา | ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
พาณิชย์จังหวัดมหาสารคามจับมือศูนย์ชั่งตวงวัดขอนแก่น ติวเข้มกฎหมายชั่งตวงวัด หวังให้เกษตรกรรู้ทันกลโกงพ่อค้าหัวใส เผยมีเครื่องชั่งไฟฟ้าที่ใช้รับซื้อข้าวเปลือก ยางพารา แอบใช้รีโมตกำหนดน้ำหนักเองได้ กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 เครื่อง ระบาดหนักสุดในภาคอีสาน
ปัญหาใหญ่ที่เกษตรกรชาวไร่ชาวนาประสบอยู่ทุกปีเมื่อนำพืชผลการเกษตรไปขายให้พ่อค้าคือ การถูกโกงตาชั่ง เนื่องจากเกษตรกร ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายชั่งตวงวัดรวมทั้งไม่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของพ่อค้าว่าถูกโกงตาชั่งอย่างไร
กรณีดังกล่าว ทางศูนย์ชั่งตวงวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ขอนแก่น) ได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม จัดฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรด้วยกฎหมายชั่ง ตวง วัด เพื่อให้เกษตรกรรู้ทัน รู้ราคา รู้รายได้ ไม่ถูกโกง โดยผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมในครั้งนี้ ประกอบด้วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา จาก 13 อำเภอในจังหวัดมหาสารคาม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองประจำพื้นที่
นายสุชาติ สินรัตน์ ที่ปรึกษาการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการอบรมเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรด้วยกฎหมายชั่งตวงวัด มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ เทคนิคการใช้เครื่องชั่ง ตวง วัด ในการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกร เช่น เครื่องชั่งสปริง เครื่องชั่งรถยนต์ เครื่องชั่งความชื้นข้าวเปลือก เครื่องชั่งวัดเปอร์เซ็นต์แป้งในหัวมันสำปะหลัง เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรได้ทราบถึงลักษณะเทคนิคการใช้ที่ไม่ถูกต้อง และมีการเอารัดเอาเปรียบ การฝึกอบรมประกอบด้วยการบรรยายและการสาธิตด้วยเครื่องชั่งตวงวัด ของจริงที่พบการกระทำผิดในคดีมาสาธิต แสดงให้เห็นถึงวิธีการแก้ไขน้ำหนัก การหักความชื้น และสิ่งเจือปนเพื่อเอาเปรียบ คาดหวังว่าเมื่อเกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจเทคนิคการโกงตาชั่งแล้ว จะทำให้ปัญหาการโกงตาชั่งลดน้อยลงไป
ผู้สื่อข่าวรายงานพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการแนะนำตัวอย่างเครื่องชั่งที่นิยมใช้ในปัจจุบัน อาทิ เครื่องชั่งสปริงที่นิยมใช้ในตลาดสด ร้านขายของทั่วไป ซึ่งเครื่องชั่งแบบนี้ตามกฎหมายกำหนดให้มีสองหน้าปัด หากเป็นแบบหน้าปัดเดียว
หรือเครื่องชั่งทำจากพลาสติกห้ามใช้ชั่งซื้อขาย และสิ่งที่ผู้บริโภคต้องดูคือที่หน้าปัดสองด้าน เข็มต้องชี้เลขศูนย์ ปลายเข็มต้องไม่หัก หรือนำสินค้ามาวางบังหน้าปัด และจะต้องดูว่ามีเครื่องหมายเป็นรูปขอบนอกตราครุฑจากพนักงานเจ้าหน้าที่
แต่ที่น่าห่วงมากที่สุดคือ เครื่องชั่งไฟฟ้าที่ใช้สำหรับรับซื้อพืชผลการเกษตร อาทิ ข้าวเปลือก ยางพารา โดยแอบใช้รีโมตบังคับ ซึ่งจะกำหนดน้ำหนักเท่าไรก็ได้ ขณะนี้พบว่ากระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 เครื่อง สามารถตามจับได้ประมาณ 5-6 เครื่องเท่านั้น ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน เนื่องจากเกษตรกรอีสานส่วนใหญ่ยังไม่รู้เทคนิคการโกง
ทั้งนี้เมื่อนำสินค้าขึ้นวางบนตาชั่งก็จะใช้รีโมตกดตัวเลขกำหนดว่าได้กี่กิโลทันที แต่เมื่อยกของลง ตัวเลขจะต้องเป็นศูนย์ให้เกษตรกรสังเกตตรงนี้ หากตัวเลขค้าง แสดงว่ามีการใช้รีโมตบังคับ หรือก่อนขายจะต้องตรวจสอบแท่นรับน้ำหนักตรงกันรวม 5 จุดว่าน้ำหนักตรงกันหรือไม่ เมื่อชั่งเสร็จก่อนรับใบสั่งจะต้องดูตัวเลขน้ำหนักตรงกับหน้าจอ
หรือไม่ เกษตรกรจะต้องรักษาผลประโยชน์ตัวเอง จะต้องสังเกตว่ามีความผิดปกติหรือไม่
นอกจากนั้น เครื่องวัดความชื้นข้าวเปลือกทุกเครื่องก็ต้องมีเครื่องหมายรับรองจากกรมการค้าภายใน ต้องมั่นใจว่าเป็นเครื่องวัดความชื้นเฉพาะข้าวเปลือก และต้องวัดซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง จึงจะหาค่าเฉลี่ยเพื่อความเที่ยงตรง หรืออาจจะสอบเทียบความชื้นจากรายอื่นก่อน
ส่วนเครื่องชั่งวัดเปอร์เซ็นต์แป้งในหัวมัน ใช้กำหนดราคาซื้อขายหัวมันสำปะหลัง เครื่องวัดต้องได้ระดับไม่เอียง ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย จะต้องเลือกหัวมันฝ่ายละเท่า ๆ กัน อย่าให้พ่อค้าเลือกฝ่ายเดียวและต้องทำความสะอาดหัวมันออกให้หมด และหากพบการทุจริตฉ้อโกงก็ขอให้แจ้งข้อมูลมายังหน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือโทร.สายด่วน 1569