ผู้เขียน | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ “บ้านนางฟ้าของหมาจรจัด” ตั้งอยู่เลขที่ 85 หมู่ 13 ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี หลังได้รับทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวรับเลี้นงสุนัขและแมวจรจัดกว่า 2,500 ตัว ทำให้ประสบปัญหาเรื่องเงินทุนเป็นอย่างมาก
ที่บ้านหลังดังกล่าวพบ นางมณี อยู่ตั้งตัว อายุ 56 ปี ลูกจ้างดูแลสุนัขและแมวจรจัด นั่งร่ำไห้ทั้งน้ำตาสงสารสุนัขและแมว หลังจากการแสข่าว 2 ผัวเมียนักธุรกิจวิ่งรถโม่ปูนใจบุญเลี้ยง “หมา-แมว” จรจัดกว่า 2,500 ตัว เอามาเลี้ยงตั้งแต่ปี 46 หมดเงินไปกว่า 100 ล้านบาท ทุกวันต้องเตรียมอาหารอย่างดี ข้าวคลุกตับไก่ อกไก่ อาหารสำเร็จรูป ยาแก้เห็บหมัด ออกตระเวนให้หมาแมว บริเวณบ้าน ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อจำนวนหมาแมวมีมากขึ้น ถูกชาวบ้านร้องเรียนเห่าหอนเสียงดัง มีกลิ่นเหม็น ประกอบกับน้ำท่วมหนักปี 54 ต้องลงทุนใช้เงินเกือบ 30 ล้าน ซื้อที่ดิน 30 ไร่ ใน จ.สระบุรี สร้างวิมานให้หมาแมวจรจัดส่วนหนึ่งไปอยู่ ตั้งชื่อให้ว่า “บ้านนางฟ้าของสัตว์จร” หลังหมดเงินต้องขายบ้าน ขายรถโม่ปูน วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือค่าอาหารหมาแมวจรจัด
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รับทราบว่า หญิงชราใจบุญคนดังกล่าวมีบ้านพักอยู่ที่ จ.นนทบุรี โดยทราบว่าก่อนหน้านี้ มักจะนำอาหารอย่างดี ประเภทข้าวคลุกตับไก่ อกไก่ และอาหารสุนัขสำเร็จรูปมาตระเวนให้สุนัขเร่ร่อนกว่า 300 ตัว ในละแวกนั้นมาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยไม่มีวันหยุด ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 82/32 หมู่ 10 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี พบเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เปิดเป็นบริษัท รัสมิ์ธรณ์ ทรานสปอร์ต จำกัด ทำธุรกิจวิ่งรถโม่ปูน มีรถโม่ปูนจอดอยู่นับสิบคัน ทราบชื่อคือ นางกวิพร วินิจเถาปฐม อายุ 67 ปี และนายอณัฐชัย วินิจเถาปฐม อายุ 70 ปี สามี
นางกวิพร กล่าวว่า ตนดูแลสุนัขและแมวจรจัดเช่นนี้มากว่า 10 ปีแล้ว ทุกวันจะหุงข้าวเอามาคลุกกับตับไก่ และต้มอกไก่อย่างดี เตรียมน้ำและยาแก้เห็บหมัดออกไปตระเวนให้กับสุนัขเร่ร่อนที่มีมากกว่า 300 ตัว เพราะถ้าคิดจะเป็นผู้ให้ต้องให้ของดีๆ มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละกว่า 8 แสนบาท จุดเริ่มต้นที่ต้องมาดูแลสุนัขเร่ร่อน คือประมาณปี 46 ลูกสาวคนโตสอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ ขอให้ตนซื้อสุนัขพันธุ์ปักกิ่งให้ไปดูที่ตลาดบางใหญ่ พบว่ามีอยู่ร้านหนึ่งที่ขายสุนัขพันธุ์ปักกิ่งเป็นเพศเมีย แต่ขายราคาแพงตัวละ 12,000 บาท ต่อรองยังไงก็ไม่ลดเห็นว่าแพงเกินไปจึงไม่ได้ซื้อให้ แต่แวะเวียนไปดูเกือบทุกวัน
เวลาผ่านไปประมาณเดือนเศษ สุนัขตัวนั้นเริ่มเป็นโรคติดเชื้อ มีร่างกายผอมโซ ตนเข้าไปขอซื้อเพื่อเอาไปรักษา เจ้าของยอมขายให้ราคา 3 พันบาท หลังจากนั้นเอาไปให้สัตวแพทย์รักษาหมดเงินไปกว่า 1 หมื่นบาท กระทั่งหายเป็นปกติ มีอยู่วันหนึ่งตนไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน เห็นสุนัขเร่ร่อนวิ่งเข้ามาหา บางตัวผอมโซจนเห็นกระดูก บางตัวเป็นขี้เรื้อน คิดว่าสุนัขมันบอกไม่ได้ว่าหิวข้าวหรือหิวน้ำหรือเจ็บปวดตรงไหน บางตัวไม่ได้กินอาหารมาหลายวันเพราะถูกตัวที่แข็งแรงกว่าแย่งกิน ตนจึงเริ่มเอาสุนัขเร่ร่อนมาเลี้ยงไว้ที่บ้านเลี้ยงด้วยอาหารอย่างดีทุกมื้อ เจอสุนัขเร่ร่อนที่ไหนก็เอามาเลี้ยงและรักษาจนมีจำนวนมากถึง 400-500 ตัว สร้างกรงให้อยู่อย่างดี เลี้ยงไว้ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 3 แต่ถูกชาวบ้านร้องเรียนเรื่องกลิ่นเหม็นและเสียงดัง กระทั่งปี 54 เกิดน้ำท่วมหนัก ตนกับสามีไปซื้อที่ดิน 30 ไร่ ใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เพื่อสร้างโรงเรือน มีรั้วรอบขอบชิดใช้เงินไปเกือบ 30 ล้านบาท ตั้งชื่อว่าบ้านนางฟ้าของสัตว์จร และพาสุนัขและแมวจรจัด มาอยู่ตรงนี้มาได้ 4 ปีแล้ว
นางกวิพร กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเจอสุนัขที่ถูกทำร้ายบางตัวถูกมีดฟัน บางตัวถูกรถชน บางตัวเป็นขี้เรื้อน บางตัวถูกเอามาปล่อยจะเอามารักษาและเลี้ยงไว้ที่บ้านนางฟ้าของสัตว์จร บางตัวเสียค่ารักษาหลักหมื่น ส่วนที่ต้องผ่าตัดต้องเสียค่ารักษากว่า 1 แสนบาท ถึงวันนี้มีสุนัขทั้งหมดประมาณกว่า 2,500 ตัว แมวอีกประมาณ 400 ตัว และสุนัขแถวบ้านอีกประมาณ 300 ตัว แมวที่บ้านอีก 44 ตัว ใช้ข้าวสารเดือนละ 90 กระสอบ มีคนงานคอยเลี้ยงดู 15 คน มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมนักศึกษาอีกประมาณ 50 คน มาคอยช่วยฉีดวัคซีนยากันพิษสุนัขบ้าและทำหมันให้ทุกปี เพื่อไม่ให้ขยายพันธุ์ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุนัขเฉลี่ยแล้วประมาณเดือนละเกือบล้านบาท มีผู้ใจบุญร่วมบริจาคบ้าง เดือนละประมาณ 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท
เมื่อเดือนที่ผ่านมา สามีเพิ่งขายรถโม่ปูนไปอีก 25 คัน เพื่อนำเงินมาใช้หนี้และใช้เลี้ยงสุนัข จากแต่ก่อนมีรถโม่ปูนมากถึง 220 คัน แต่ต้องทยอยขาย ตอนนี้เหลือแค่ 80 คัน บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ขายไปเมื่อปี 57 ได้เงิน 45 ล้านบาท นำไปใช้หนี้กับเลี้ยงสุนัขเช่นกัน แต่คนซื้อให้อยู่ไปก่อน อีกไม่นานนี้ตนกับครอบครัวต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่ จ.สระบุรี จะเอาสุนัขเร่ร่อนที่มีกว่า 300 ตัวแถวบ้านไปอยู่ด้วย ทุกวันนี้ธุรกิจซบเซา แต่สุนัขต้องกิน คนก็ต้องกิน ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงพวกเขาได้อีกนานเท่าไร เลี้ยงมาตั้งแต่ปี 46 ร่วม 12 ปี หมดเงินไปกว่า 100 ล้านบาท ถ้าเงินไม่พอคงต้องขายรถโม่ปูนไปเรื่อยๆ
ทุกวันนี้กิจวัตรประจำวันช่วงกลางดึกจะขับรถเอาอาหารและยาแก้เห็บหมัดไปตระเวนให้กับสุนัขละแวกบ้านกว่าจะเสร็จก็เกือบเช้า ช่วงสายๆ จะนั่งรถไปที่บ้านนางฟ้าของสัตว์จร ที่ จ.สระบุรี ทำแบบนี้มาตั้งแต่ปี 54 ไม่เคยรู้สึกเหนื่อย แต่ที่เหนื่อยตอนนี้คือเรื่องค่าใช้จ่ายที่ตามเป็นเงาทุกวัน อยากขอความกรุณาผู้ที่ใจบุญช่วยกันบริจาคอาหาร หรือเงินเพื่อสานต่อโครงการเพราะเงินที่มีร่อยหรอลงไปทุกวัน