พระเทพฯ รับสั่ง ”พอพระทัย” งานนิทรรศการ ชมพระเมรุมาศ นายกฯขอปชช. อย่าเก็บหินไป

เปิด “พระเมรุมาศ” พร้อมนิทรรศการ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ให้ชมอย่างเป็นทางการแล้ว “สมเด็จพระเทพฯ” เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานตัดแถบแพรเปิด ทรงพอพระราชหฤทัย กำชับความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความปลอดภัย อยากให้ประชาชนเข้าชมอย่างสุภาพสำรวม ไม่แตะสัมผัสงานใดๆ เพื่อให้นิทรรศการทั้งหมดยังคงความสมบูรณ์ สมพระเกียรติจนถึงวันสุดท้าย 30 พ.ย. ขณะที่ประชาชนมารอตั้งแต่เช้าตรู่ คาดวันละ 1 แสนคน นายกฯ ขอร้องประชาชนอย่าเก็บหินบริเวณรอบพระเมรุมาศ

เมื่อเวลา 06.52 น. วันที่ 2 พ.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวังสระปทุม มายังบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทรงเป็นประธานเปิด “นิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” ในการนี้คุณสิริกิติยา เจนเซน เข้าร่วมด้วย

โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการ เฝ้าฯ รับเสด็จ จากนั้น รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯ ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย ต่อจากนั้นเสด็จเข้าบริเวณมณฑลพิธี ประทับพระราชอาสน์ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร

จากนั้น พล.อ. ประยุทธ์ กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ว่างานนิทรรศการเปิดขึ้นให้ประชาชนทราบถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และความยิ่งใหญ่สมพระเกียรติของพระเมรุมาศ ซึ่งรัฐบาลได้เปิดให้ประชาชน ชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. ภายในนิทรรศการบริเวณพระที่นั่งทรงธรรม เนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ภาพจิตรกรรม ฝาผนังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

รวมทั้งบริเวณศาลาลูกขุนทั้ง 6 หลัง ที่จัดเป็นนิทรรศการพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบ และงานบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ และพระยานมาศ คาดว่าจะมีประชาชนเข้าชมวันละ 100,000 คน โดยรัฐบาลได้บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ การจัดการเวลา การอำนวยความสะดวกเรียบร้อย และดูแลความปลอดภัย มีการแจกแผ่นพับพื่อความเข้าใจ รัฐบาลหวังว่านิทรรศการดังกล่าวจะอยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทย และเดินตามรอยพระบาทเพื่อเป็นพลังแก่ประเทศชาติสืบไป

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงตัดแถบแพร เปิดนิทรรศการ เสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรนิทรรศการ เสด็จฯ ไปยังทับเกษตร ทอดพระเนตรนิทรรศการการสัมผัสของผู้พิการทางสายตา และบริเวณศาลาลูกขุน ก่อนเสด็จขึ้นพระเมรุมาศ จากนั้นเสด็จฯ ไปยังบริเวณภูมิทัศน์ด้านหน้าพระเมรุมาศ แปลงนาหมายเลข ๙ และเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 09.01 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทอดพระเนตรภูมิทัศน์แปลงนาหมายเลข ๙ บริเวณภายนอกรั้วราชวัตินั้น ประชาชนรอบแรกที่เข้ามายังจุดคัดกรอง เพื่อรอเข้าชมงานนิทรรศการจำนวน 5,500 คน ต่างพร้อมใจเปล่งเสียงทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง

นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ภายหลังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทอดพระเนตรงานนิทรรศการโดยรอบ ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมาก ทรงกำชับเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความปลอดภัยเป็นพิเศษ รวมทั้งอยากให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการอย่างสุภาพสำรวม ไม่แตะสัมผัสงานใดๆ เพื่อให้นิทรรศการโดยรอบทั้งหมดยังคงความสมบูรณ์ และสมพระเกียรติจนถึงวันสุดท้ายในวันที่ 30 พ.ย.

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า หลังเปิดให้ประชาชนทดลองเข้าชมงานนิทรรศการ ในส่วนของพระเมรุมาศเมื่อวันที่ 1 พ.ย. บริเวณชั้นที่ 1 และ 2 ของพระเมรุมาศ คณะกรรมการผู้จัดงานนิทรรศการ มีมติในการจำกัดพื้นที่เข้าชมพระเมรุมาศ โดยจำกัดไว้เพียงเฉพาะด้านล่างพระเมรุมาศเท่านั้น ไม่ให้ขึ้นไปข้างบนพระเมรุมาศ เพื่อให้งานประติมากรรมยังคงความสมบูรณ์ที่สุด นอกจากนี้จะสับเปลี่ยนงานประติมากรรม ที่แสดงโชว์บริเวณศาลาลูกขุน เพราะยังมีงานประติมากรรมอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้แสดงโชว์ เนื่องจากสถานที่มีจำกัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาจับจองพื้นที่ ต่อเข้าแถว เพื่อรอเข้าชมนิทรรศการ และ พระเมรุมาศ ก่อนเจ้าหน้าที่จะเปิดให้เข้าชมในเวลา 09.30 น. ภายหลังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ กลับ โดยเจ้าหน้าที่กำหนดจุดคัดกรอง 5 จุด คือบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ท่าช้าง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และด้านหลังกระทรวงกลาโหม ใช้แนวปฏิบัติเดียวกับ การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

เจ้าหน้าที่เปิดให้เข้าชมเวลา 07.00- 22.00 น. รอบละ 5,500 คน ใช้เวลารอบละ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จะให้ประชาชนติดบัตรผู้เข้าร่วมงานในแต่ละรอบ เป็นบัตรคนละสีของรอบถัดไป เพื่อป้องกันความสับสน และก่อนหมดเวลา 5 นาที เจ้าหน้าที่จะแจ้งสัญญาณหมดเวลา เพื่อให้ประชาชนรอบต่อไปได้เข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง ส่วนการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกทม.ร่วมกันจัดจุดบริการน้ำดื่ม รถสุขาเคลื่อนที่ และทีมแพทย์พยาบาลดูแลประชาชนรอบสนามหลวง

ขณะที่การเดินทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถโดยสารฟรีจากจุดต่างๆ มายังท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. จำนวน 60 คันต่อวัน ใน 6 เส้นทาง ได้แก่ 1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2.หัวลำโพง 3.วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ 4.เอกมัย 5.สายใต้ใหม่ และ 6.หมอชิต ด้านกองทัพเรือให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ที่ท่านิเวศน์วรดิฐ และท่าราชนาวิกสภา และประสานกรมเจ้าท่าขอความร่วมมือผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ขยายเวลาให้สอดคล้องกับเวลาจัดนิทรรศการตั้งแต่ 05.00-23.00 น.

สำหรับงานนิทรรศการประกอบด้วย 1.พระเมรุมาศ แสดงให้เห็นถึงความงดงามในหลักปรัชญาการสร้างตามโบราณราชประเพณี และสมพระเกียรติ 2.พระที่นั่งทรงธรรม เนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ แบ่งเป็น 5 ตอน ได้แก่ 1.เมื่อเสด็จอวตาร 2.รัชกาลที่ร่มเย็น 3.เพ็ญพระราชธรรม 4.นำพระราชไมตรี และ 5.พระจักรีนิวัตฟ้า และจิตรกรรมฝาผนังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

3.ศาลาลูกขุน 6 หลัง จัดเป็นนิทรรศการพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบ และงานบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ประกอบด้วย 1.สมมติเทวพิมาน เป็นสถาปัตยกรรมพระเมรุมาศ 2.ณ วิธานสถาปกศาลา เป็นแบบขยายสู่การก่อสร้าง 3.ประติมา สร้างสรรค์ เป็นงานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ 4.สวรรค์บรรจงวาด เป็นฉาก บังเพลิงและจิตรกรรมฝาผนัง โครงการพระราชดำริ 5.ยาตรากฤษฎาธาร การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ 6.ตระการวิจิตรศิลปกรรม เป็นงานประณีตศิลป์ในพระราชพิธี

4.นิทรรศการทับเกษตร เป็นนิทรรศการสัมผัสสำหรับผู้พิการทางสายตา จำลอง พระเมรุมาศและประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ อาทิ เทวดา สัตว์หิมพานต์ เพื่อให้ ผู้พิการทางสายตาสัมผัสของจริงแทนการมองด้วยตา พร้อมเสียงบรรยาย ส่วนผู้พิการทางการได้ยิน จะมีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ และ 5.ภูมิทัศน์บริเวณด้านหน้าพระเมรุมาศ สะท้อนให้เห็นถึงพระราชกรณียกิจ อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ เช่น พันธุ์ข้าวพระราชทาน หญ้าแฝก ต้นยางนา มะม่วงมหาชนก กังหันชัยพัฒนา ฝายน้ำล้น ส่วนนาข้าวจะมีขอบคันนาออกแบบเชิงเป็นเลขเก้าไทย โดยแต่ละจุดมีเจ้าหน้าที่อธิบายรายละเอียดของงาน และมีจิตอาสาคอยเอื้ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการจะได้รับแจกแผ่นพับนำชมนิทรรศการ จัดพิมพ์ทั้งหมด 3 ล้านฉบับ ประกอบด้วยภาษาไทย อังกฤษ และจีน พร้อมทั้งโปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ รอง นายกฯ กล่าวถึงการเปิดเข้าชมพระเมรุมาศว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ยังมีบางส่วนปฏิบัตินอกกติกา เช่น ถ่ายภาพในที่ห้ามเข้า สัมผัสในที่ห้ามสัมผัส จึงปรับระเบียบกันเล็กน้อยเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย หากมีสิ่งใดต้องปรับปรุงก็ต้องดูกันเป็นระยะๆ หากมีการแนะนำผ่านออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียเข้ามา ก็ต้องดูและนำมาปรับปรุง เพื่อเพิ่มความสะดวก

รองนายกฯ กล่าวต่อว่า เมื่อเลิกให้เข้าชมแล้ว จะนำบางส่วนไปไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ การให้เข้าชมยังเป็นไปตามกำหนดเดิม แต่หากประเมินแล้วยอดเข้าชมต่อเนื่อง มีจำนวนลดน้อยลงๆ ก็ต้องปิดการเข้าชม แต่ถ้าจำนวนไม่ลดน้อยลง จะทำเรื่องนำเรียนต่อนายกรัฐมนตรี หากได้รับความเห็นชอบจะนำเรื่องขอพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ตามขั้นตอนต่อไป

ที่วัดนวลนรดิศ เขตภาษีเจริญ กทม. พล.อ. ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวเปิดมหกรรมวิชาการไทยแลนด์ 4.0 โดยตอนหนึ่งกล่าวถึงกรณีประชาชนเก็บหินที่บริเวณพระเมรุมาศไปเป็นของที่ระลึกว่า ทราบว่ามีการเก็บหินบริเวณที่จัดสร้างพระเมรุมาศ และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ไปเป็นของที่ระลึก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี ขอให้เลิก ไม่เช่นนั้นคนรุ่นหลังจะไม่มีโอกาสได้ชม จะไปเที่ยวเก็บหินใส่กระเป๋า ชนิดว่าขอให้ได้หยิบเป็น ของขลัง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด มันเกิดความเสียหาย คนข้างหลังก็ไม่ได้ดู

นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ยอดสั่งจองเข็มที่ระลึกงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวันที่สองของการเปิดรับจอง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศกว่า 400 สาขา จำนวนกว่า 320,000 เข็ม เมื่อรวมยอดสั่งจองวันแรก 788,000 เข็ม รวม 2 วัน 1,108,000 เข็ม

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์