กทม. นำร่อง ‘1 เขต 1 ถนน’ จัดระเบียบทางเท้าเข้มข้น

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายธีรพันธ์ อธิรัฐธนภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข รองผู้ว่าฯ กทม. ได้เสนอแนวทางต่อที่ประชุมคณะผู้บริหาร กทม. เรื่องการจัดระเบียบทางเท้า ที่พบว่าประชาชนให้การตอบรับค่อนข้างดีกับโครงการให้รางวัลนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดตามผ่านแอพพลิชั่นไลน์ “รางวัลนำจับ” จำนวนกว่า 90,000 ราย แต่มีข้อสังเกตว่ายอดค่าปรับที่จับผู้กระทำการฝ่าฝืนค่อนข้างน้อยไม่สอดคล้องกับจำนวนผู้ติดตาม อาจเกิดจากกรณีที่มีผู้แจ้งแล้วแต่เจ้าหน้าที่เทศกิจดำเนินการไม่ทันท่วงที เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุผู้กระทำความผิดได้หลบหนีไปแล้วนั้น กรณีดังกล่าวเห็นควรให้ 50 สำนักงานเขต กวดขันการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการจับปรับ การมอบหมายงาน และการประชาสัมพันธ์ พร้อมกันนี้ ให้กำหนดถนนนำร่องพื้นที่เขตละ 1 เส้นทาง โดยให้สำนักเทศกิจติดตามผลการดำเนินงาน

นายธีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้แต่ละสำนักงานเขตเขียนแผนดำเนินการนำร่องพื้นที่เขตละ 1 เส้นทาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเท้า ขณะนี้มีสำนักงานเขตได้ทยอยส่งแผนมายังสำนักเทศกิจประมาณ 20 แผน หรือ 20 ถนนนำร่อง อาทิ ถนนพระราม 2 โดยเขตจะเป็นผู้พิจารณาถนนนำร่อง ส่วนหนึ่งใช้หลักเกณฑ์ถนนที่ได้รับแจ้งเหตุมาก คาดว่าภายในเดือนพฤศจิกายนนี้จะได้ 50 ถนนนำร่อง ทั้งนี้ สำหรับช่องทางในการแจ้งผู้กระทำความผิด ได้แก่ สายด่วนเทศกิจ ไปรษณีย์ส่งถึงสำนักเทศกิจ อีเมล เฟซบุ๊ก สำนักงานเขต และแอพลิเคชั่นไลน์ สำหรับการแจ้งนั้น ประชาชนต้องมีหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่แสดงความผิดชัดเจน

“หากถามว่าประชาชนถ่ายภาพส่งมามีประสิทธิภาพหรือไม่นั้น ขอเรียนว่า มีประสิทธิภาพพอสมควรแล้ว โดยปัจจุบันพบผู้กระทำผิดน้อยลง แต่เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจับผู้กระทำผิดทันที จึงต้องมีแนวทางเพิ่มเติมคือ การนำร่องจัดระเบียบทางเท้าพื้นที่เขตละ 1 เส้นทาง ซึ่งไม่เพียงแต่ดำเนินการตามโครงการให้รางวัลนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแส ยังจะจัดระเบียบถนนตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ที่ครอบคลุมการทิ้งขยะ หาบเร่แผงลอย การลักลอบติดป้ายโฆษณา” นายธีรพันธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดือนตุลาคม 2560 มีผู้แอดไลน์ “รางวัลนำจับ” 96,649 ราย ในส่วนนี้ กทม. ได้รับแจ้งความทั้งหมด 5,486 ครั้ง ปรับเป็นคดี 257 คดี เป็นเงิน 88,150 บาท ผู้แจ้งเบาะแสติดต่อขอรับเงินไปแล้ว 171 ราย เป็นเงิน 55,750 บาท ยังไม่ติดต่อขอรับเงินส่วนแบ่ง 69 ราย แจ้งไม่ประสงค์ขอรับเงิน 29 ราย อยู่ระหว่างสืบหาตัวผู้กระทำความผิดโดยการประสานข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบกและตำรวจนครบาล 2,795 ราย