กรมชลฯ เตือนคนกรุงเทพฯ ยังต้องระวังน้ำท่วมฉับพลัน 17-19 ต.ค.นี้

นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกกรมชลประทานเข้าไปสอบถามถึงสถานการณ์น้ำฝน และการบริหารจัดการน้ำ อาทิ แม่น้ำชี มูล เจ้าพระยา รวมถึงภาคใต้ จะมีน้ำท่วมตรงจุดไหนอย่างไร โดยกำชับเรื่องการบริหารจัดการน้ำให้ดี ซึ่งกังวลสถานการณ์น้ำในช่วงระหว่างวันที่ 17-19 ต.ค. ที่กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า จะเกิดร่องความกดอากาศต่ำเคลื่อนตัวไปทางภาคใต้ ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ได้ กรมชลประทานมีการเตรียมการรับมือ อย่างไรบ้างและชี้แจงให้ประชาชนรับทราบหรือยัง โดยนายกฯ กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงและเตือนประชาชนให้เข้าใจในสถานการณ์

ทั้งนี้ กรมชลประทาน นำเครื่องผลักดันน้ำ และเครื่องสูบน้ำ ลงไปในพื้นภาคใต้เพื่อเตรียมรับมือปริมาณฝนที่จะตกแล้ว ส่วน ภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะมีปริมาณฝนประมาณ 50-60 มิลลิเมตร (มม.) ต่อวัน ในวันที่ 17-19 ต.ค. ซึ่งมีโอกาสทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ใน กทม. เพราะประสิทธิภาพการระบายน้ำในบางจุดของกทม. มีจำกัด อยู่ในหลายพื้นที่ อย่างเช่นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ โดยเฉพาะถนนสายหลักต่างๆ ได้แก่ วิภาวดีรังสิต ลาดพร้าว และสุขุมวิท ประชาชนในพื้นที่จึงควรเตรียมพร้อมรับมือด้วย

สำหรับพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจะยังควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนในเกณฑ์ไม่เกิน 2,600 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกรับน้ำเข้าไปอย่างเต็มศักยภาพ และใช้พื้นที่ลุ่มต่ำทั้งสองฝั่งรับน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งต่างๆ รวม 12 ทุ่ง เพื่อช่วยลดยอดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านลงสู่พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำมากกว่า 1,183 ล้านลูกบาศก์ (ลบ.ม.) และยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 310 ล้านลบ.ม.

สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ปัจจุบัน (16 ต.ค.) มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 57,242 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 81% ของความจุอ่างฯ รวมกันทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ 33,715 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 71% สามารถรองรับน้ำได้อีก 14,007 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน ป่าสักชลสิทธิ์ และภูมิพล มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 19,219 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 77% ของความจุอ่างฯ รวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้ 12,523 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 69% สามารถรองรับปริมาณน้ำได้รวมกันอีกกว่า 5,653 ล้าน ลบ.ม. โดยปัจจุบันเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ยังคงงดการระบายน้ำต่อเนื่องมากว่า 1 สัปดาห์ เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงปลายฤดูฝนให้ได้มากที่สุด สำหรับสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้าที่กำลังจะมาถึงอีกใน 1 เดือนข้างหน้า

“ขณะนี้กำลังเร่งช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่ง ซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ โดยกรมชลประทานให้โครงการชลประทานทุกโครงการในพื้นที่ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกัน นำเครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรกล และกระสอบทราย ทำคันป้องกันน้ำที่จะไหลเข้าท่วมถนนและเส้นทางสัญจร รวมทั้งการนำถุงยังชีพและน้ำดื่ม เข้าไปช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่องแล้ว”