เผยแพร่ |
---|
เวลา 16.00 น. วันที่ 11 ต.ค. ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณริมกำแพงหน้าพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรีและประตูมณีนพรัตน์ สำหรับให้ประชาชนได้ถวายสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งเปิดให้ประชาชนนำดอกไม้และพวงมาลัยมาถวายความเคารพต่อพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ได้มีนายโรจน์ไพศาล เอื่ยมสุวรรณ อายุ 56 ปี และนางนงคราญ หงษ์ทอง อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นจิตอาสาในงานพระราชพิธีภวายพระเพลิงพระบรมศพฯ กำลังร่วมกันบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ เพื่อให้ประชาชนที่มายืนต่อแถวรอถวายดอกไม้และพวงมาลัยต่อพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ขณะเดียวกันประชาชนที่มา หลายคนปรบมือและเดินเข้ามาขอบคุณนักดนตรีทั้งสอง เพราะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ทั้งสองสื่อออกมาผ่านบทเพลง
นายโรจน์ไพศาล เปิดเผยว่า ตนมีความสนใจในด้านการเล่นดนตรีอยู่แล้ว โดยเริ่มเล่นดนตรีการกุศลครั้งแรกเมื่อปี 2554 ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วก็เริ่มเล่นดนตรีมาเรื่อยๆ จนได้มาเจอกับคุณนงคราญ ซึ่งก็เห็นแววว่า คุณนงคราญ มีเสียงที่ไพเราะมาก จึงตัดสินใจชวนมาเป็นจิตอาสาด้วยกัน ซึ่งต่างก็มีความชื่นชอบในบทเพลงพระราชนิพนธ์เหมือนกัน โดยเริ่มเล่นเดี่ยวไวโอลินที่หน้าประตูวิเศษไชยศรี ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 2559 จนมาถึงวันนี้ ก่อนจะชักชวนคุณนงคราญ มาเป็นผู้ขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ในทุกวันเสาร์ ไม่ขาดสักสัปดาห์เดียว
นางนงคราญ เปิดเผยว่า ปกติจะนำเพลงพระราชนิพนธ์มาขับร้อง เพราะเชื่อว่าทุกคนได้ฟังและคุ้นหูตั้งแต่เด็ก ส่วนเพลงที่นำมาร้องบ่อยที่สุดก็คือ เพลงแสงเทียน ชะตาชีวิต ลมหนาว สายฝน อาทิตย์อับแสง และแสงเดือน ซึ่งทุกครั้งที่ขับร้องบทเพลงนั้นประชาชนโดยรอบก็จะร้องตามดนตรี บางคนร้องไห้บางคนก็ถึงกับหันหลังหนี เพราะทนฟังต่อไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่อยากฟัง แต่มีความเสียใจอัดอั้นอยู่ในอกต่อการสูญเสียในครั้งนี้
นางนงคราญ เปิดเผยต่อว่า ในทุกครั้งที่ร้องเพลงจะร้องอย่างเต็มที่ บางเพลงพระราชนิพนธ์ร้องยาก แต่ก็จะพยายามส่งความรู้สึกส่งดวงใจของเราไปให้พระองค์ท่านฯ ให้พระองค์ท่านฯ ได้รับรู้ว่าเราสืบสานปณิธานด้านการดนตรีของพระองค์ฯ อยู่ หลายครั้งระหว่างร้องเพลงก็ร้องไห้ออกมาด้วย โดยเฉพาะเพลงแสงเทียน ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งกินใจ
“ต่อจากนี้เราคงไม่มีโอกาสได้ เห็นพระองค์ท่านฯ อีก แต่การร้องเพลงพระราชนิพนธ์ก็ทำให้เราได้กลับไปใกล้ชิดกับพระองค์ท่านฯ อีกครั้ง”นางนงคราญ กล่าว
นายโรจน์ไพศาล ยังพาคุณแม่มาลัย เอี่ยมสุวรรณ อายุ 82 ปี มาด้วย ซึ่งขณะที่นั่งอยู่บนรถเข็นเพื่อรอลูกชายเล่นไวโอลินให้กับประชาชน คุณแม่มาลัยได้มองไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ อยู่ตลอดเวลา นายโรจน์ไพศาลกล่าวว่า คุณแม่ชอบให้ตนพามาที่นี่เสมอ เพราะอยากจะอยู่ใกล้ในหลวงรัชกาลที่เก้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ที่มา ข่าวสดออนไลน์