“ยายซุบ” สุดตื้นตัน ในหลวง ร.9 ทรงให้ชีวิตใหม่ หลังปวดท้องไส้ติ่ง รับสั่งให้นำตัวขึ้น ฮ. ไปรักษา

เวลา 11.30 น. วันที่ 6 ต.ค. นางซุบ หรือยายซุบ ยอดแก้ว อายุ 82 ปี ชาวบ้านคุ้งโตนด ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นคนไข้ด่วนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เปิดเผยถึงวันที่พระองค์ท่านทรงมอบชีวิตใหม่ให้ ในวันเสด็จฯ เยี่ยมชาวบ้านคุ้งโตนด

ยายซุบ เล่าว่า ตนไม่เคยลืมเหตุการณ์เมื่อกว่า 45 ปีที่แล้วเลย เพราะการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรบ้านคุ้งโตนดของพระองค์ท่าน ไม่เพียงทำให้หมู่บ้านที่ยากจน ล้าหลัง และไม่มีแม้ถนนที่จะติดต่อกับโลกภายนอก ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น ได้ทำให้ตนมีชีวิตมาจนถึงวันนี้

ยายซุบ เล่าต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อตนอายุประมาณ 37 ปี ได้ไปรับเสด็จที่ถ้ำไทร ซึ่งตอนนั้นตนมีอาการป่วยปวดท้องมาหลายวัน แต่เมื่อทราบว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเสด็จฯ มา ตนก็อยากเห็นและไปรับเสด็จพระองค์ท่าน แต่ก็ยังมีอาการปวดท้องมากจนเดินไม่ไหวจึงให้คนพาไป ซึ่งตอนนั้นตนคิดอย่างเดียวว่าอยากเห็นในหลวงแบบใกล้ๆ และคิดในใจว่ายอมเสียชีวิตก็ได้ แต่ขอไปรับเสด็จก่อน

ยายซุบ เล่าอีกว่า ขณะนั้นในพื้นที่น้ำแห้ง เรือเครื่องก็ไม่มี ถ้าไปหาหมอก็ลำบาก และเห็นพระองค์ท่านต้องเสด็จฯ ไปที่บริเวณตีนเขาอีกลูกหนึ่งซึ่งอยู่คนละฟากเพื่อทอดพระเนตรสถานที่ที่จะทำทางเข้าหมู่บ้าน แต่พอดีว่าพระราชินีท่านเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎร แล้วทอดพระเนตรเห็นตนนั่งหน้าซีดตัวเอนอยู่ พระองค์ก็ตรัสถามว่าเป็นอะไร ซึ่งพระองค์ท่านทรงบอกให้ตนพูดธรรมดาก็ได้ จึงต้องทูลพระองค์ท่านว่าเจ็บท้อง

ยายซุบ ยอดแก้ว อายุ 82 ปี ชี้ภาพขณะที่มารดาเข้าเฝ้าฯ ในหลวง ร.9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งพระองค์ท่านเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรที่บ้านคุ้งโตนด อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

“พระองค์ท่านจึงให้หมอที่มาด้วยตรวจดู หมอบอกว่าไส้ติ่งกำลังจะแตก พอหมอบอกอย่างนั้น พระองค์ท่านก็ทรงใช้วิทยุติดต่อในหลวงซึ่งอยู่ที่ภูเขาอีกลูก ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นก็เห็นในหลวงทรงวิ่งจากตีนเขามาหา พอในหลวงเสด็จฯ มาถึง ท่านให้เอา ฮ. มารับ และท่านตรัสว่าเดี๋ยวเราจะกลับทางเรือเอง ให้เอาคนไข้ไปส่งก่อน” ยายซุบ เล่าด้วยความตื้นตัน

ยายซุบ เล่าว่า หลังจากที่พระองค์ท่านตรัส หมอ 2 คนก็พาตนไป ซึ่งในหลวงทรงพระเมตตาเราไปส่งถึงเครื่อง จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็พาไปส่งที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ เพชรบุรี ซึ่งหมอบอกว่า หากมาช้ากว่านี้แค่ 2-3 นาที ก็ไม่รอดแล้ว ดังนั้น ถ้าในหลวงไม่เสด็จฯ มาวันนั้น ตนก็คงเสียชีวิตแน่ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรตาย จึงทำให้เหมือนตนกลับได้ชีวิตใหม่

ยายซุบ เล่าด้วยว่า ชีวิตทุกวันนี้ถึงตนแก่แล้ว แต่เมื่อนึกถึงวันนั้นทีไรรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทุกที ตอนนั่งดูโทรทัศน์ เวลาเห็นพระองค์ท่าน ก็จะพนมมือไหว้ตลอด รู้สึกว่าพระองค์ท่านได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเรา จากเหตุการณ์นั้นทำให้เรารักในหลวงของเรามาก แล้วทุกวันนี้ก็ยังน้อยใจตัวเองอยู่ว่าเวลาที่พระองค์ท่านมีพระอาการประชวร เราก็ไม่มีเงินไปเฝ้าไปแสดงความจงรักภักดีกับพระองค์ท่าน ได้แต่ร้องไห้อยู่กับบ้าน นั่งร้องไห้ทุกวันดูข่าวทุกวันไม่เคยเว้นเลย

ยายวัย 82 ปี เล่าอีกว่า เมื่อในหลวงท่านสวรรคต ตนถึงกับทำอะไรไม่ถูก นั่งร้องไห้ทุกวัน เปิดทีวีครั้งใดเห็นพระพักตร์ท่านก็น้ำตาไหลทุกครั้ง ยังคิดอยู่ทุกวันว่า หากตนตายแทนได้ก็จะขอตายแทน เพราะตนแก่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร แต่พระองค์ท่านยังสามารถช่วยประชาชนได้อีกมากมายเหลือคณา

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์