เผยแพร่ |
---|
วันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีหญิงวัยกลางคน ลงทุนนับล้านบาทสร้างบ้านให้พ่อหลวง จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 2 ต.สามง่าม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พบนางจินตนา เกษมสุข อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.สามง่าม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ลงทุนทุ่มเงินล้านปลูกขึ้นมาเพื่อให้เป็นบ้านของพ่อหลวง
โดยบ้านหลังดังกล่าวปลูกเป็นบ้านทรงไทยหลังงามใหญ่โต ซึ่งเจ้าของบ้านขนานนามว่าเป็น “บ้านของพ่อหลวง” จากนั้นนางจินตนา ได้พาขึ้นไปดูบนบ้าน พบว่าบนบ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงษ์อีกหลายพระองค์ ติดอยู่รอบบ้าน นอกจากนั้นตามตู้เก็บของยังมีข้าวของที่เป็นของสะสมของที่ระลึกที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญพระบรมฉายาลักษณ์ทุกภาพมีการดูแลรักษาอย่างดี ไม่มีแม้กระทั่งฝุ่นละออง
นางจินตนา กล่าวว่า ตนเก็บสะสมพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์มานานแล้ว เมื่อก่อนตนมีบ้านหลังเล็กๆ อยู่ริมน้ำ แต่ก็มักจะประสบปัญหาอุทกภัยอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งตนต้องเก็บรวบรวมพระบรมฉายาลักษณ์หนีน้ำ และประกอบกับพระบรมฉายาลักษณ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ ตนกับครอบครัวจึงตัดสินใจที่จะปลูกบ้านขึ้นมาใหม่ เพื่อเก็บรวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อตัดสินใจได้จึงตกลงปลูกเป็นบ้านทรงไทยบนผืนดินผืนนี้ ซึ่งเลือกทำเลว่าใกล้ธรรมชาติ มองเห็นทุ่งนา มองเห็นธรรมชาติ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงโปรด และปลูกเป็นบ้านทรงไทยขึ้นมา หวังให้เป็น “บ้านของพ่อ” โดยชั้นบนซึ่งอยู่สูงสุด เก็บรวบรวมพระบรมฉายาลักษณ์ของทุกพระองค์เอาไว้ รวมถึงข้าวของที่ระลึกทุกอย่าง ซึ่งไม่เพียงแต่ตนเท่านั้น ลูกชายทั้ง 3 คน ก็ต่างรวบรวมเก็บสะสมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ หรือธนบัตรต่าง ๆ ชั้นบนของบ้านนั้นตนไม่ได้พักอาศัยเลย ตนกับสามีไปทำห้องนอนที่ชั้นล่างกัน เพราะชั้นบนนั้นสูง ตนทำเป็นบ้านถวายพ่อแล้ว แต่ก็จะใช้พื้นที่ชั้นบนสำหรับสวดมนต์ในยามค่ำคืน และตั้งจิตอธิษฐานให้ทุกพระองค์ทุกวัน
ซึ่งนอกจากตนจะเก็บรวบรวมพระบรมฉายาลักษณ์และของที่ระลึกของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ตนยังน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน และใช้ในสังคมที่ตนดูแลอยู่ด้วย โดยตนยึดเป็นเกษตรกร ทำไร่ทำสวน ผลผลิตที่ได้ตนก็จะแบ่งปันให้กับชาวบ้านในละแวก และเก็บขาย เงินทองที่ได้มาก็เก็บหอมรอมริบไว้ ซึ่งเราไม่ใช้ฟุ้งเฟ้อเราก็มีเงินเก็บ ในทุกๆ เช้าก็จะออกทำสวน ทำไร่ รดน้ำชะอม ดูแลสวนผลไม้ ซึ่งเป็นชีวิตที่มีความสุข บ้านหลังนี้ตนสร้างเพื่อพ่อ และสร้างมาได้ 3 ปีแล้ว
นางจินตนา กล่าวอีกว่า หลังจากการสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9 มาจนถึงทุกวันนี้ ตนทำใจไม่ได้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ สลดหดหู่ โดยชีวิตที่เหลือของตนขอยอมมอบกายถวายชีวิตทำชีวิตที่เหลือ สังคมที่อยู่ให้ดี ดูแลชาวบ้านในชุมชน ซึ่งล้วนเป็นพสกนิกรที่พระองค์ทรงห่วงใยให้ดี ทำให้พ่อหลวงสบายใจ ตนถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุข เป็นการตอบแทนพระองค์ท่าน เหนื่อยแค่ไหนหันไปทางไหน ไม่ว่าจะบนบ้าน ที่ร้านค้า หรือที่โต๊ะทำงาน ก็จะเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านอยู่รอบๆ ตัว ตนก็มีความสุขแล้ว
นอกจากนั้นตอนที่ตนเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลมา ซึ่งก็ได้นำมาก่อตั้งเป็นสหกรณ์ภายในชุมชน จัดหาข้าวของมาขายในราคาถูก เงินกำไรที่ได้ก็นำมาหมุนเวียน เพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องไปซื้อของที่ราคาแพง และทำบัญชีรายรับรายจ่ายตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทุกวันนี้ถึงแม้จะเกษียณจากผู้ใหญ่บ้านแล้วก็ยังดำเนินการต่อมาเรื่อยๆ โดยตอนนี้นำผลกำไรที่ได้จัดสรรไปมอบให้กับผู้พิการในหมู่บ้านด้วย