นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวระหว่างการประชุมทางไกล (วิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์) กับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน และปัญหาการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าซื้อสินค้าในโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ หลังจากเปิดใช้บัตรเป็นวันที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ มีความพร้อมในการรายงานสถานการณ์ ในโครงการโดยตรงมายังกระทรวงพาณิชย์

โดยจัดตั้งเป็นศูนย์ติดตาม หรือ วอร์รูม ซึ่งเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ได้รายงานว่าส่วนใหญ่พบผู้ถือบัตรไม่รู้วงเงินที่ชัดเจนของตนเองว่าสามารถใช้ซื้อสินค้าได้ 200 บาท หรือ 300 บาท ทำให้เกิดความล่าช้าในการซื้อสินค้า รวมทั้งคิดว่าใช้บัตรได้เพียงวันเดียว เนื่องจากแต่ละร้าน มีผู้ใช้บัตรจำนวนมาก โดยสินค้าที่มียอดซื้อสูงสุด คือ กลุ่มอาหาร เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำปลา และน้ำมันพืช เป็นต้น รองลงมาเป็น ของใช้ในชีวิตประจำวัน

จึงกำชับให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ไปเน้นย้ำร้านค้า ให้ช่วยตรวจสอบวงเงินของผู้ซื้อให้ชัดเจนก่อน เพื่อความรวดเร็วในการซื้อสินค้า รวมทั้งเข้มงวดเรื่องการซื้อสินค้าที่จำเป็นในกลุ่มที่กำหนดด้วย โดยขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ส่งรายชื่อร้านค้าให้กับกรมบัญชีกลางแล้ว 15,489 ร้าน จากจำนวนร้านที่สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 21,000 ร้าน แต่ขณะนี้ มีการติดตั้งเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีดีซี ไปแล้ว 4,000-5,000 ร้านค้า ซึ่งกำลังเร่งประสานกรมบัญชีกลาง เข้าไปติดตั้งอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะแรกให้เน้นในพื้นที่ห่างไกล และจะต้องครอบคลุมในทุกตำบล รวมทั้งติดตั้งเครื่องให้สอดคล้องกับปริมาณผู้ใช้สิทธิ์ ให้รวดเร็วที่สุด ขณะเดียวกันจะเริ่มปล่อยรถโมบายเคลื่อนที่ ภายในปลายสัปดาห์นี้ เพื่ออุดช่องโหว่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเพียงพอกับผู้ถือบัตรสวัสดิการ

ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 7 จังหวัดที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ กำลังเร่งดำเนินการประสานติดตั้งเครื่องอีดีซี เพื่อให้ทันในช่วงเปิดใช้ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่มีหน่วยงานพาณิชย์จังหวัด ได้มอบให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นผู้ดูแล ซึ่งเฉพาะกรุงเทพฯ มีจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 600 ร้าน จากเป้าหมาย 800 ร้านค้า

ที่มา ข่าวสดออนไลน์