ปักหลักค้างคืนจองที่ชมพระราชพิธีฯ พสกนิกรเนืองแน่นแห่สักการะพระบรมศพล้นสนามหลวง

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐ วิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อาทิ บริษัท ทรานสตรอน(ไทยแลนด์) จำกัด คณะที่ 1, บริษัท สเปเชียล เทค ออโต้ รับเบอร์ จำกัด, ครอบครัวสันติประเสริฐ, เพื่อนนิติฯ ราม ปี 24, โรงเรียนสามชัยวิเทศศึกษา, สมาพันธ์สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนในเครือมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่ประเทศไทย, ร่มไทยอพาร์ทเม้นท์, บริษัท สิทธิยนต์ กรุ๊ป จำกัด, ครอบครัวสุขพิศาล และคณะ, พยาบาลวชิระ รุ่นที่ 19, เทศบาลนครตรัง, บริษัท ราชาวดี คอนสตรัคชั่น แอนด์ เดเวลอปเมนต์ จำกัด, บริษัท วัชร มารีน จำกัด ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีพสกนิกรเดินทางมากราบสักการะจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยหางแถวที่เข้าคิวรอเข้ากราบพระบรมศพทางเข้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ล้นออกนอกสนามหลวงไปตลอดเส้นถนนราชดำเนินใน ไปยังถนนราชดำเนินกลาง ขณะที่ทางเข้าด้านหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มีประชาชามารอเข้ากราบตลอดเส้นถนนสนามไชย ท่ามกลางท่ามกลางแดดร้อนจัดสลับฝนตกตลอดทั้งวัน โดยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ สำนักพระราชวังประกาศเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 30 ก.ย. เป็นวันสุดท้าย เพื่อจัดเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 02.56 น. ของวันที่ 23 ก.ย. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 69,027 คน รวม 324 วัน มี 11,065,577 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 4,930,666 บาท รวม 324 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 820,324,701.51 บาท

วันเดียวกันนี้ คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปิดเผยสถานที่จัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของประชาชน งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า จะมีการแบ่งรูปแบบออกเป็น 4 รูปแบบ คือ พระเมรุมาศจำลอง ซุ้มขนาดใหญ่ ซุ้มขนาดกลาง จุดถวายดอกไม้จันทน์สำหรับวัด

โดยสามารถตรวจสอบสถานที่จุดวางดอกไม้จันทน์ใกล้บ้าน โดยคลิกที่ชื่อจังหวัดของตนเอง ได้ที่ http://kingrama9.th/NewsHighlights/Detail/21 ทั้งนี้ ข้อมูลรายจังหวัดอยู่ในระหว่างการกำหนดสถานที่จัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ สำหรับต่างประเทศ คลิก http://kingrama9.th/NewsFeed/Detail/1137

นายปวน ใยแดง อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้านอำเภอปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมด้วย นายบัญญัติ ติราวรัมย์ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นำลูกบ้านกว่า 40 มากราบพระบรมศพ เปิดเผยว่า ตนทราบว่าเหลือเวลาที่ให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพพียงไม่กี่วัน จึงนำลูกบ้านมาในวันนี้ โดยมายืนรอเข้ากราบกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งดูจากหางแถวแล้วสามทุ่มก็คงไม่ได้กราบ จึงตัดสินใจมากราบสักการะพระแก้วมรกต ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เนื่องจากลูกบ้านหลายคนสภาพร่างกายไม่พร้อม ส่วนตัวเห็นประชาชนมากราบพระองค์มากก็รู้สึกตื้นตันใจ แต่ก็รู้สึกเสียดายเช่นกัน เพราะตั้งใจมาก

นายปวน ใยแดง (ขวา)

“ที่ผ่านมามีภารกิจที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องจึงยังไม่มีโอกาสมาสักครั้ง แม้ในวันนี้ไม่ทันได้กราบ แต่ได้เห็นพระเมรุมาศก็รู้สึกตื้นตันใจแล้ว ส่วนตัวผมประทับในหลวงร.9 ในเรื่องของการครองตน และการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งน้อมนำมาใช้ในอาชีพด้านการเกษตร ทั้งปลูกผัก เลี้ยงวัว รวมถึงการทำเกษตรอินทรีย์ ในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพคงไม่มีโอกาสได้มา ซึ่งตนสมัครเป็นจิตอาสาเพื่อทำงานถวายพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย” นายกวน กล่าวด้วยความเสียดาย

น.ส.ฐิติชยา แสงประชุม

ขณะที่ น.ส.ฐิติชยา แสงประชุม อายุ 60 ปี อาชีพธุรกิจขายตรง พสกนิกรจากจ.ตาก พร้อมกับเพื่อน 10 คน เดินทางมาตั้งแต่ 4 ทุ่มเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ได้เข้ากราบเวลาบ่าย 2 โมงครึ่งของวันนี้ โดยส่วนตัวมาเป็นครั้งที่ 6 ตั้งอยากจะมาอีกครั้งในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ ด้วยการมาปักหลักล่วงหน้า 2-3 วัน ซึ่งเชื่อว่าจะต้องมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมา โดยตนอยากจะมาดูริ้วขบวนและร่วมซึมซับบรรยากาศ แม้ว่าอาจจะไม่ได้เห็นใกล้ชิดเหมือนดูถ่ายทอดทางโทรทัศน์ก็ตาม