เผยแพร่ |
---|
จากกรณีพิพาทฟ้องร้องเรื่องที่ดินระหว่างยายและหลาน ภายหลังจากที่ยายได้เซ็นยกที่ดินจำนวน 1 งานให้หลาน แล้วต่อมาเกิดเรื่องผิดใจ จนทำให้ยายต้องฟ้องร้องเพื่อหวังจะเอาที่ดินคืนกลับมา
รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอัมรินทร์ทีวี ได้เปิดเผยถึงความเป็นอยู่ของตา ยาย ตามข่าว ซึ่งอยู่ที่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 5 ตำบลหนองโดน อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ซึ่งปลูกอยู่บนพื้นที่ขนาด 1 งาน บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูน 1 ชั้น มีเพิงสังกะสีสร้างยื่นออกมาด้านข้าง อยู่ภายในรั้วเสาปูน ขึงด้วยลวดหนาม หน้าบ้านติดป้ายประกาศขายบ้านพร้อมที่ดิน พร้อมมีหมายเลขโทรศัพท์ให้ผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามา
นางละเมียด ชูเพ็ชร อายุ 64 ปี ยายผู้ที่ฟ้องร้องเอาที่ดินคืนจากหลานสาว ที่พักอยู่ในเพิงสังกะสี “ยายละเมียด” บอกว่า บ้านหลังนี้ตนปลูกมาก่อนที่ลูกสาวจะเสียชีวิต ขณะนั้นหลานสาวคนดังกล่าวอายุ 15 ปี จากนั้นตนก็เลี้ยงดูหลานเพียงคนเดียวตลอด เนื่องจากพ่อของหลานสาวไม่เหลียวแล แต่ที่ตนต้องมาดูแล เพราะตนรักและสงสาร จึงยกที่ดินดังกล่าวให้ โดยตนและน้าๆ ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อให้หลานได้เรียนหนังสือ จนกระทั่งหลานมีงานทำ พ่อของหลานถึงได้ติดต่อกลับมา
ส่วนสาเหตุของการฟ้องร้อง “ยายละเมียด” บอกว่า เกิดจากลูกชายของตนกับสามีของหลานสาวมีปัญหาเรื่องส่วนตัวจนทะเลาะกัน ครั้งนั้นตนเข้าไปห้ามไว้ ทำให้หลานสาวไม่พอใจ คิดว่าตนเข้าข้างลูกชาย จึงได้ขับไล่ตะเพิดตนให้ออกจากบ้าน โดยหลานบอกว่า ที่ดินตรงนี้เป็นของตนแล้วจะทำอย่างไรก็ได้ จากนั้นตนจึงอยากได้พื้นดินดังกล่าวคืน เมื่อเริ่มต้นการฟ้องร้อง หลานสาวและสามีของหลานสาว กลั่นแกล้งตนสารพัด เช่น เผาเสื้อผ้า, กระทุ้งหลังคาเพิงสังกะสีให้ฝนสาดเข้าไปบนที่นอน, ขุดร่องน้ำ เมื่อเวลาฝนตกน้ำจะได้ไหลเข้าไปในเพิงที่พัก , พังก๊อกโอ่งรองน้ำฝนเพื่อให้ตนไม่มีน้ำใช้ หรือแม้กระทั่งใส่กุญแจล็อกประตูห้องน้ำ เมื่อเวลาขับถ่ายตนก็ต้องใช้จอบไปขุดดินบริเวณหลังบ้าน ตอนนี้ลูกของตนก็เข้ามาเยี่ยมไม่ได้ เนื่องจาก หลานและสามีของหลานขู่ว่าจะแจ้งความข้อหาบุกรุก
ส่วนหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ที่กู้มาประมาณ 25,000 บาทนั้น เนื่องจากตนต้องนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการต่อสู้ในชั้นศาล ตอนนี้ชั้นศาลอุทธรณ์จะยกฟ้อง แต่ต้องหาทางเอาที่ดินคืนกลับมาให้ได้ แม้ที่ผ่านมาเคยขอร้องให้คนอื่นใช้ชื่อซื้อบ้านหลังนี้แล้วก็ตาม แต่หลานสาวก็ไม่ยอมขายให้ โดยประกาศขายบ้านอยู่ที่ราคา 5 แสนบาท
ทุกวันนี้ “ยายละเมียด” ต้องหารายได้จากการหาของเก่าขาย รวมทั้งเก็บผักพื้นบ้านขายได้เงินวันละ 300 – 400 บาท มีค่าเบี้ยชราจากรัฐช่วยเหลือ และขอข้าวจากวัดมากินพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง “ยายละเมียด” ยืนยันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้ที่ดินคืน และไม่ย้ายไปอยู่บ้านลูกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะเกรงใจลูก และมีเรื่องผิดใจกับลูกสะใภ้อยู่ด้วย
“ยายละเมียด” บอกอีกว่า ตนรักหลานสาวเหมือนลูก ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจยกที่ดินให้หลาน เพราะคิดว่าหลานจะเลี้ยงดูตนดี ไม่คิดว่าสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้ ยอมรับว่าตนรู้สึกโกรธเคืองบ้างที่ถูกหลานกลั่นแกล้ง แต่เชื่อว่าที่หลานทำเช่นนี้ เป็นเพราะหลานเขย ซึ่งตอนนี้ตนไม่เชื่อว่าหลานจะยอมพูดคุยเจรจาที่จะให้อยู่ร่วมกันอีก เนื่องจากศาลเคยเจรจาให้แบ่งที่กันคนละครึ่ง แต่หลานไม่ยอม หลังจากนี้ตนก็ไม่ยอมเช่นกัน และเตรียมที่จะฟ้องร้องต่อศาลใหม่อีกครั้ง
“ยายละเมียด” ยืนยันว่า “หากได้ที่ดินคืนมา หลานสาวและสามีของหลานสาวต้องย้ายออกไป”
ด้าน นายสุนทร ชูเพ็ชร อายุ 74 ปี สามีนางละเมียด ได้ย้ายมาอยู่บ้านลูก หลังจากถูกหลานสาวไล่ออกมา โดยนายสุนทรเปิดเผยว่า เดิมทีหลานสาวนิสัยดี แต่หลังจากแต่งงานก็มีนิสัยที่เปลี่ยนไปจากเดิม เพราะแต่ก่อนเคยเข้ากันได้ดีกับญาติ จู่ๆต้องมาทะเลาะกัน ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเพราะลูกเขยและคนที่ไม่หวังดีคอยยุแยงให้ผิดใจ
“นายสุนทร” ยอมรับว่า เสียใจและโกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหลานสาวที่ตนเลี้ยงมาเณรคุณ เนื่องจาก ยกที่ดินให้เพราะหวังจะให้หลานดูแลตนตอนแก่ แต่ต้องทำใจเพราะเรื่องเกิดขึ้นแล้ว หากถามว่าหลังจากนี้จะกลับมาอยู่ร่วมกันได้อีกหรือไม่นั้น “นายสุนทร” บอกว่า ตนคงไม่ไปง้อหลาน แต่หากหลานจะเข้ามาขอขมา กลับตัวเป็นคนเก่า ตอนนั้นอาจจะให้อภัย เพราะถึงอย่างไรก็สายเลือดเดียวกัน
หลังจากนั้น ทีมข่าวได้เดินสำรวจภายในหมู่บ้าน พบว่าช่วงกลางวัน ภายในหมู่บ้านค่อนข้างปิดเงียบ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่นี่ทำงานโรงงานหลายที่ต่างกันออกไป อย่าง นางแป๋ว เพื่อนบ้าน “ยายละเมียด” อายุ 67 ปี เปิดเผยว่า ปกติคนที่นี่ต่างคนต่างทำงาน ไม่ยุ่งสุงสิงกัน ยอมรับว่าไม่ทราบเรื่องพิพาทระหว่าง “ยายละเมียด” กับหลานสาว รู้เพียงว่า เมื่อสองปีก่อน มีติดประกาศขายบ้านและที่ดิน แต่ไม่เคยเข้าไปถามรายละเอียดว่าขายเพราะเหตุใด
ที่มา ข่าวสดออนไลน์