เผยแพร่ |
---|
เมื่อวันที่ 4 กันยายน นายพนม ซำเผือก ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากมีการรวมกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงนอกฤดูกาลเป็นเกษตรแปลงใหญ่พื้นที่กว่า 3,000 ไร่ เพื่อการส่งออกและพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะการห่อผลมะม่วงเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช ทำให้มีผิวสวยงามเป็นจุดขายสำคัญจนกลายเป็นที่นิยมของตลาดต่างประเทศเป็นอย่างมาก ล่าสุดตัวแทนบริษัทส่งออกชาวเกาหลีใต้ได้เดินทางมาเจรจาติดต่อเพื่อซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเกรดเอ ราคากิโลกรัมละ 120-130 บาท สัปดาห์ละ 9-10 ตัน แต่ผลผลิตไม่เพียงพอในการจำหน่าย โดยบริษัทผู้นำเข้าจากเกาหลีใต้ได้แจ้งว่า ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนตลาดและย้ายฐานการรับซื้อจากประเทศเวียดนาม เนื่องจากพบว่าผลผลิตในประเทศไทยมีคุณภาพและรสชาติดีกว่า จากการผลิตที่มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานจีเอ็มพี และปลอดสารพิษ
“ขณะนี้พื้นที่ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองที่มีผลิตนอกฤดูกาลมีเฉพาะในพื้นที่ อ.สามร้อยยอด และ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น ทำให้ส่งผลดีกับมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองที่ตกเกรดมีราคาสูงขึ้น ขณะที่ผู้ซื้อชาวเกาหลีใต้เรียกร้องให้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระยะยาว โดยต้องการผลผลิตไม่อั้น เนื่องจากในประเทศมีความนิยมสูงมาก แต่กลุ่มไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากจะมีค่าปรับหากมีผลผลิตไม่ตรงตามกำหนด แต่ได้ยืนยันว่าจะส่งสินค้าให้มากที่สุดตามความต้องการจากการผลิตนอกฤดูกาลซึ่งจะมีผลกระทบกับผู้บริโภคในประเทศอย่างแน่นอน และจากการสำรวจความต้องการของตลาดต่างประเทศมีเพิ่มขึ้นปีละ 20% ทั้งในประเทศจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง ทำให้เกษตรกรบางรายหันมาปลูกมะม่วงจากเดิมมีการใช้พื้นที่ปลูกสับปะรด” นายพนม กล่าว