”ดีนี่” ผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าเด็ก รุกตลาดเต็มสูบ ขึ้นแท่นผู้นำโกยส่วนแบ่ง 45% เร่งกำลังผลิต ขยายไลน์สินค้า

“นีโอ คอร์ปอเรท” เดินหน้าตามแผนวิสัยทัศน์ 7 ปี ดันรายได้หมื่นล้าน เปิดศึกใหญ่รุกสินค้าเด็ก ทุ่มงบอัดฉีด “ดีนี่” ยอดขายโตกระฉูด ปลื้มยึดบัลลังก์ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าเด็ก ฮุบส่วนแบ่งทะลุ 45% พุ่งสวนตลาด สั่งเพิ่มเครื่องจักรขยายไลน์ผลิตสินค้าสนองคุณแม่ยุคใหม่ครอบคลุม 360 องศา         ชูคุณภาพผ่านการทดสอบมาตรฐานสูงสุด ไม่ระคายเคืองผิวลูกน้อย อัดงบโฆษณา 100 ล้านลุยทุกสื่อครบวงจร ดึงครอบครัว ”หิรัญพฤกษ์” เป็นพรีเซนเตอร์  ตัวแทนครอบครัวยุคใหม่ เผย ”D-nee Club” ยอดสมาชิกกว่า 4 แสน เร่งช่องทางขายบุกทุกห้าง ผุด ”D-nee shop” 20 สาขา  ภายใน 5 ปี ลั่นปี 60          ปิดยอดขาย 1,500 ล้าน  ปีหน้าแตะ 2 พันล้าน

ปัทมา ถกลศรี ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคภายใต้แบรนด์สินค้าคุณภาพ  เปิดเผยว่า บริษัทเร่งเดินหน้าธุรกิจตามแผนวิสัยทัศน์ผลักดันรายได้แตะ 10,000 ล้านบาทภายใน 7 ปี หรือเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี โดยล่าสุดประกาศรุกตลาดสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เด็ก “ดีนี่” (D-nee) ครั้งใหญ่ หลังจากเปิดตัวในตลาดและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างดีเยี่ยม  โดยสินค้าแบรนด์ดีนี่สามารถสร้างอัตราเติบโตสูงมากติดต่อกัน 5 ปี และเป็นแบรนด์ที่มียอดขายเติบโตในอัตราสูงที่สุดในตลาด

ที่สำคัญ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าเด็กดีนี่ขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาด ยึดครองส่วนแบ่งการตลาด 45%  และมีอัตราเติบโต 19% ขณะที่ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าสำหรับเด็กที่มีมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตเพียง 3.5% และหากเทียบกับตลาดรวมสินค้าเด็กที่มีมูลค่ากว่า 5,800 ล้านบาท ติดลบที่      -1.1% แต่แบรนด์ “ดีนี่” สามารถเติบโตมากกว่าตลาดรวม อยู่ที่ 7.7%

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเครื่องจักรและเร่งขยายไลน์การผลิตสินค้าของกลุ่มดีนี่เพิ่มขึ้นอีก 50% ในโรงงานแห่งใหม่ย่านลำลูกกา คลอง 13  ซึ่งใช้งบลงทุนก่อสร้างกว่า 2,000 ล้านบาท

ปัจจุบัน ดีนี่มีสินค้า 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลของใช้ (Household Care) และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณสำหรับเด็ก (Personal Care) ที่ครอบคลุมครบทุกความต้องการของคุณแม่  ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ล้างขวดนม แป้ง สบู่เหลว โดยผลิตภัณฑ์ทุกประเภทผ่านการทดสอบที่ดีที่สุดทั้ง clinically tested และ Hypo allergenic tested  ถือเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแบรนด์เดียวที่ผ่านการทดสอบนี้ในทุกประเภทสินค้า

สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าที่มียอดขายอันดับ 1 ของประเทศ คือ กลิ่นหอมอ่อนโยนอย่างมีเอกลักษณ์  ปราศจากสารเคมีรุนแรง   ผ่านการทดสอบจากสถาบัน Dermscan มาตรฐานประเทศฝรั่งเศส (Clinically Proven)  และผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก  มีประสิทธิภาพการทำความสะอาด  6 คราบสกปรกที่คุณแม่ต้องพบเป็นประจำ เช่น คราบน้ำนม  คราบอาหาร  คราบน้ำลาย  คราบเลือด คราบปัสสาวะ  และคราบอุจจาระ  ที่เลอะเสื้อผ้าลูกน้อยได้หมดจดอย่างอ่อนโยนด้วยสารทำความสะอาดจากธรรมชาติ

ปัทมา กล่าวว่า ดีนี่ยังเตรียมทุ่มงบการตลาดราว 350 ล้านบาท  เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างครบวงจร   โดยเน้นการทำการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ มีความตื่นเต้น รวมทั้งเพิ่มการทำการตลาดช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น   และขยายช่องทางการทำตลาดในต่างประเทศด้วย

“ผลิตภัณฑ์เด็กดีนี่เริ่มต้นด้วยการผลิตสินค้าออกมาเน้นตลาดนิชมาร์เก็ต คือกลุ่มคุณแม่ที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพตามมาตรฐานสากล  และยังสร้างคุณค่าเพิ่มให้สินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ  เพื่อครอบคลุมครบทุกความต้องการของคุณแม่ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าเด็กสูตรออร์แกนิค หรือสูตรซักกลางคืน  ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง”

นอกจากนี้ ยังเป็นสินค้าเด็กแบรนด์แรกที่เริ่มทำ “D-nee Club” มากว่า 13 ปี  เพื่อให้สมาชิกได้รับข้อมูลความรู้ เกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก  พร้อมสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น กิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ ส่วนลดกับร้านค้าพันธมิตร ซึ่งยังทำต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน และล่าสุดมีลูกค้าสมาชิกดีนี่คลับกว่า 400,000 คนทั่วประเทศ

โดยในปีนี้ บริษัทได้ติดต่อเชิญครอบครัว “หิรัญพฤกษ์” ทั้งคุณภูริ คุณแอน และน้องริชา  มาเป็นพรีเซ็นเตอร์  เนื่องจากเป็นครอบครัวที่เลือกใช้ดีนี่จริง ๆ และเป็นตัวแทนครอบครัวยุคใหม่ที่อบอุ่น ใส่ใจพัฒนาการของลูกในทุก ๆ ด้าน เลือกสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของดีนี่

ด้านการจัดจำหน่าย ซึ่งปีนี้เร่งขยายเครือข่ายครอบคลุมมากที่สุด แยกสัดส่วนเป็นช่องทางโมเดิร์นเทรด 38% เทรดิชั่นนอลเทรด  30% และส่งออก 31% โดยเน้นช่องทางขายใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ ทั้งการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในแผนกเด็กของห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ  และเปิดร้าน D-nee shop ซึ่งเน้นจุดเด่นเรื่องความหลากหลายของผลิตภัณฑ์อย่างครบครัน   การตกแต่งร้านสร้างความโดดเด่น   โดยดีนี่มีแผนเปิดสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด   ล่าสุดเปิดแล้ว  3 แห่ง คือ สาขารังสิต, ศรีสมาน และที่ จ.เพชรบุรี

ปัทมา กล่าวถึงยอดขายปี  2560 มั่นใจว่า แบรนด์ดีนี่จะสามารถปิดยอดขายรวมทุกสินค้าได้ที่ 1,500 ล้านบาท  เติบโต 20%  โดย 2 ไตรมาสที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเกินเป้าขณะที่ปี 2561 ตั้งเป้ายอดขายรวมของแบรนด์ดีนี่เพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท อัตราเติบโต 33%

“ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณเด็กดีนี่ แม้เป็นน้องใหม่เข้ามาบุกตลาด แต่ได้รับการตอบรับที่ดี โดยบริษัทตั้งเป้าจะเร่งผลักดันสินค้าแบรนด์ดีนี่ทั้งหมดให้ติด Top 3 ภายใน 3 ปี

“ตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กมีการแข่งขันรุนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสินค้าเข้ามาบุกตลาดตลอดเวลา  ทั้งสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น เกาหลี  และตลาดล่างแบรนด์ OEM   แต่บริษัทไม่กังวลเพราะมั่นใจในศักยภาพในทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท  นอกจากนี้  ผลิตภัณฑ์เด็กเป็นสิ่งที่คุณแม่ให้ความสำคัญสูงสุดไม่เปลี่ยนยี่ห้อง่ายๆ เช่นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ปัทมา กล่าว

ในส่วนภาพรวมธุรกิจของ นีโอ คอร์ปอเรท บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตทั้งในประเทศ และขยายฐานการตลาดต่างประเทศ โดยปี 2560 คาดการณ์ยอดขายรวมทุกกลุ่มสินค้า 5,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 ประมาณ 9% แบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มสินค้าของใช้ส่วนตัว (Personal Care) 40% และผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) 60%   

พิสูจน์คุณภาพผลิตภัณฑ์ดีนี่ ที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณแม่ทั่วประเทศ ได้ที่ ดีนี่ ช็อป 3 สาขา ที่ห้างสรรพสินค้าสาขารังสิต, ศรีสมาน, และจังหวัดเพชรบุรี หรือที่แผนกเด็กในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ