นายปัญญา เลิศหงิม ประธานกลุ่มพัฒนากิจการรถตู้โดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดเผยหลังหารือกับนายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคมด้านการขนส่ง ว่า ทางกลุ่มฯ ขอให้กระทรวงคมนาคมขยายกำหนดอายุการใช้งานรถตู้เพิ่มขึ้นอีก 2 ปี คือจาก 10 ปี เป็น 12 ปี รวมทั้งขอให้ขยายเวลาการปรับเปลี่ยนรถตู้เป็นรถโดยสารขนาดเล็กไม่เกิน 20 ที่นั่ง (ไมโครบัส) ออกไปอีกจากเดิมกำหนดให้เปลี่ยนรถตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560

เนื่องจากไม่มีสภาพคล่องเพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งกำลังได้รับผลกระทบด้านรายได้อย่างหนัก เนื่องจากผู้โดยสารใช้บริการลดลงมากกว่า 50% เพราะกระทรวงคมนาคมมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั่ว กทม. ทำให้การจราจรติดขัดมากคนส่วนใหญ่จึงเลิกใช้รถตู้ และในเส้นทางวิ่งที่ทับซ้อนกับรถไฟฟ้าคนก็หันไปใช้รถไฟฟ้าแทนอีกด้วย

นายปัญญากล่าวว่า หลังจาก รฟม. เปิดบริการรถไฟฟ้าสีม่วง เชื่อมกันสีน้ำเงินระหว่างสถานีเตาปูนไปยังบางซื่อ ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ยอดผู้โดยสารรถตู้หายไปครึ่งหนึ่ง ใน 3 เส้นทาง คือ บางใหญ่-จตุจักร, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน-ไทรน้อย และบางใหญ่-สีลม ขณะที่รถตู้สายบีทีเอสจตุจักร-อิมพีเรียลสำโรง ก็ได้รับผลกระทบมากหลังจาก รถไฟฟ้าบีทีเอสเปิดให้บริการวิ่งยาวไปจนถึงสำโรง เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้หากรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ ทยอยเปิดให้บริการจนครบ 10 เส้นทาง เชื่อว่ารถตู้ประมาณ 5,000 คัน ที่ให้บริการใน 117 เส้นทาง จะได้รับผลกระทบแน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่ 3,000-4,000 คัน เป็นรถตู้ส่วนบุคคล ที่เหลืออีก 1,000 คันเป็นนิติบุคคล

“ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งรถไฟฟ้าจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการ รถตู้ก็จะเริ่มเจ๊งอยู่ไม่ได้แน่นอน และหากต้องเปลี่ยนรถเป็นไมโครบัสจะยิ่งซ้ำเติมสภาพคล่อง ดังนั้นจึงขอขยายอายุการใช้รถออกไปอีก 2 ปี เพื่อดูทิศทางว่าเมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว จะกระทบเรามากน้อยแค่ไหน” นายปัญญากล่าว

นอกจากนี้ เสนอให้กระทรวงคมนาคมคงรถตู้เป็นขนส่งสาธารณะประเภทหนึ่ง โดยเปิดช่องให้ผู้ประกอบการเลือกใช้รถตู้หรือไมโครบัสให้บริการประชาชนก็ได้ ส่วนกรณีที่ภาครัฐเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของรถตู้ ภาคเอกชนก็จะเร่งยกระดับบริการต่างๆ โดยเฉพาะพนักงานขับรถ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในเรื่องความปลอดภัย แต่ยืนยันว่ารถตู้หมวด 1 ที่ให้บริการในเขตกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีกรณีเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง

นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จะเสนอความเห็นของผู้ประกอบการให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาในวันที่ 7 ก.ย. นี้