เกษตรฯ กุมขมับ! น้ำยังไม่ทันลด ภัยแล้งจ่อคิวเข้ามาทันควัน ชาวนาช้ำปลูกข้าวไม่ทัน

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคอีสาน ส่งผลให้นาข้าวได้รับความเสียหาย ชาวนาไม่สามารถปลูกข้าวได้ทัน เพราะมีข้อกำหนดเรื่องเงื่อนไขเวลา เพราะข้าวที่ปลูกในภาคอีสาน เป็นข้าวเหนียวและข้าวหอมมะลิ

จากการสำรวจเบื้องต้นพบพื้นที่นาข้าวได้รับความเสียหายประมาณ 3 ล้านไร่ กระทรวงเกษตรฯ มีการเยียวยาบื้องต้นไปแล้วครัวเรือนละ 3,000 บาท หลังจากนี้จะสำรวจความเสียหาย ประเมินสถานการณ์และพื้นที่เหมาะสมที่จะเพาะปลูกพืชอายุสั้นทดแทนการปลูกข้าว เพื่อฟื้นฟูรายได้ให้ชาวนา

ทั้งนี้ ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งกักเก็บน้ำค่อนข้างน้อย ไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกในเบื้องต้น กระทรวงยอมรับว่ากังวลกับธรรมชาติของภาคอีสาน ว่าหลังจากน้ำท่วมลดลงแล้ว สิ่งที่จะมาทดแทนคือภัยแล้ง แม้จะมีน้ำมากในช่วงหลังฝนตกแต่เมืองไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำ ภัยแล้งจะเข้ามาทดแทนโดยเร็ว

“ยอมรับว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวของชาวนา ส่วนใหญ่เป็นข้าวเหนียวและข้าวหอมมะลิ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าข้าวเหนียวมีปริมาณเท่าไหร่ ข้าวหอมมะลิมีปริมาณเท่าไหร่ ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม แต่ในส่วนของการปลูกพืชอืนเพื่อสร้างรายได้เสริมทดแทนการสูญเสียผลผลิตข้าวของภาคอีสานที่ส่วนใหญ่ทำนาได้รอบเดียวจึงไม่มีรายได้ เบื้องต้นในการปลูกพืชอายุสั้น ได้มีการลงพื้นที่สำรวจแล้ว มีบางพื้นที่เท่านั้นที่ทำได้ แต่ยังไม่อีกหลายพื้นที่ที่ไม่สามารถปลูกพืชได้เพราะไม่มีน้ำ จึงต้องหารือกับหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ ว่าจะทำอย่างไรกับเกษตรกรในพื้นที่ที่แห้งแล้ง แล้วข้าวยังเสียหายโดยสิ้นเชิง”

น.ส.ชุติมา กล่าวว่า สำหรับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม กระทรวงเกษตรฯ มองว่ามีผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนาบ้าง ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นการเร่งด่วนไปแล้ว แต่ผลกระทบต่อแผนข้าวครบวงจรไม่มีแน่ เพราะโครงการภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เป็นหนึ่งในแนวทางการขับเคลื่อนของภาครัฐ ที่ต้องการพัฒนาข้าวไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของตลาดโลกในอนาคต รัฐบาลยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนแผนข้างครบวงจรให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต พัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการของตลาด