พณ.ดันวิสาหกิจเพื่อสังคม ตั้งเป็นนิติบุคคล ขับเคลื่อนธุรกิจ-สร้างกำไรสู่ชุมชน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ผลักดันและพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจเพื่อสังคม ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสะท้อนมุมมอง บทบาท และความต้องการของวิสาหกิจเพื่อสังคมของไทยทั้งระบบ ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ ผ่านการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกิจการที่เป็นประโยชน์แก่คนในชุมชน หรือ วิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความสุขคนในชุมน และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

พร้อมกันนี้ กระทรวงฯ ได้ส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลในรูปแบบของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เพื่อให้เกิดการคล่องตัวในการบริหารงาน และง่ายต่อการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจ

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้สำรวจความต้องการของวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนวิสาหกิจเพื่อสังคมจากสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ(สกส.) จำนวน 101 ราย พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการได้รับการสนับสนุนส่งเสริม 7 ประการ คือ

1.การผสานแนวคิดและความรู้ด้านนวัตกรรมทางสังคมในระบบการศึกษา
2.ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของผู้ประกอบการเพื่อสังคม เช่น การบริการจัดการ การตลาด การเงินและบัญชี เป็นต้น
3.ระบบการจดทะเบียนและกฎระเบียบของกิจการเพื่อสังคม
4.ระบบการสื่อสารส่งเสริมช่องทางการตลาด
5.ระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการจากกิจการเพื่อสังคม
6.ลดหย่อนภาษีเพื่อการลงทุนในวิสาหกิจเพื่อสังคม
7.สนามการลงทุนเพื่อสังคม ในการขยายช่องทางการตลาดและการกระจายสินค้าของวิสาหกิจเพื่อสังคมจะดำเนินการผ่านเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจและการจับคู่พันธมิตรทางธุรกิจ โดยสนับสนุนให้วิสาหกิจเพื่อสังคมเข้าร่วมออกบูธในงานต่างๆที่กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้น รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจอุดหนุนผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มวิสาหกิจเพื่อสังคมมากขึ้น

“กระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายจะพัฒนากิจการที่มีศักยภาพที่สามารถพัฒนาให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมได้ 50% จากจำนวนทั้งหมด 361 ราย เพื่อให้กิจการที่กำลังจะก้าวสู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมมีผลกำไรเพิ่มขึ้น และต้องนำผลกำไรส่วนใหญ่กลับคืนสู่ชุมชน ทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดการพึ่งพิงภาครัฐลง โดยรัฐยังคงได้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญวิสาหกิจเพื่อสังคมจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความแข็งแกร่งและยั่งยืนระยะยาวต่อไป” นายสนธิรัตน์ กล่าว